ในความเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันคึกคัก เมื่อ แม่ทัพ อย่าง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังปลุกเร้าให้ ลูกพรรค ฮึกเหิม พร้อมลงสนามสู้เลือกตั้ง  อยู่นั้น 
 

ปรากฏว่าสภาพความเป็นไป และเป็นจริง ภายในพรรคพลังประชารัฐ ในยามนี้ ดูเหมือนว่า บิ๊กป้อม ยังไม่อาจ ปล่อยมือ จากการกุมสภาพ ทุกความเป็น ไม่ให้ปะทุเดือดกันขึ้นมา 
 

อย่าลืมว่า แม้ เบื้องหน้าพล.อ.ประวิตร  โดดลงเล่นเองแทบทุกบท โดยเฉพาะ มือประสานสิบทิศ  เปิดดีลและปิดดีล บรรดากลุ่มก๊วนการเมือง ต่างพรรค รวมถึง กลุ่มสี่กุมาร ดึง อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาฯพรรค กลับเข้ามาทำงานกับพลังประชารัฐอีกครั้ง
 

โดยก่อนหน้านี้ ยังมี ส.ส.เศรษฐกิจไทย ภายใต้การดูแลของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ได้กลับเข้ามาทำงานกับพรรคด้วยเช่นกัน 
 และล่าสุด บิ๊กน้อยพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ  อยุธยา ได้ลาออกจากพรรครวมแผ่นดิน แล้วกลับมาช่วยงาน บิ๊กป้อม ในฐานะคนคุ้นเคย มีความสนิทสนมมกัน 

 แน่นอนว่าการที่พรรคประชารัฐ ประกอบไปด้วยกลุ่มการเมือง หลากหลายกลุ่ม ทั้งคนเดิมที่เคยออกไปแล้วกลับมาทำงานร่วมกัน ไปจนถึงกลุ่มใหม่ๆ คือการเดินกลยุทธ์ ตามแบบฉบับของพล.อ.ประวิตร ที่เป็น พี่ใหญ่ นักประสาน และชูความปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้งนั้น 
 ด้านหนึ่งคือการรวบรวม สรรพกำลัง  ไปพร้อมๆกับการสกัดแผน แลนด์สไลด์ ของ พรรคเพื่อไทย และยังอาจมีผลกระทบต่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้จะเป็น แนวร่วมรบฝ่ายเดียวกัน 

 แต่อีกด้านหนึ่ง การที่พรรคพลังประชารัฐ ประกอบไปด้วยกลุ่มการเมือง สารพัดกลุ่มเช่นนี้ ยังมีโอกาสเผชิญหน้ากับ ความขัดแย้ง ระลอกใหม่  เพราะอย่าลืมว่า การกลับมาของ กลุ่มสี่กุมาร และกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส อาจกลายเป็น เงื่อนไข ที่ บีบ ให้ กลุ่มสามมิตร ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรร ในฐานะแกนนำกลุ่มต้องตัดสินใจทางการเมืองอย่างใด อย่างหนึ่งตามมา 
 

หากย้อนกลับไป ย่อมจะพบว่า ในวันวาน เคยเกิดกระทบกระทั่งกันมาแล้ว ระหว่างกลุ่มสามมิตร กับกลุ่มสี่กุมาร และกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส 
 สถานการณ์ในมือของบิ๊กป้อม วันนี้จึงอาจไม่ใช่มีแต่ ด้านบวก เท่านั้น แต่ พี่ใหญ่ ยังต้อง กุมสภาพ  ทุกความเป็นไปภายในพรรคพลังประชารัฐ ให้อยู่หมัด !