สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.7 ระบุ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน เกิดขึ้นสั่นคลอนรัฐบาล และระบบราชการไทยอย่างมาก ถึงมากที่สุด และที่น่าสนใจก็คือประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.3 ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เด็ดขาด จริงจังกับปัญหาทุจริตเหมือน สมัย คสช.
ทั้งนี้ ข่าวอื้อฉาวส่งท้ายปี 2565 คือ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับเงินและโยกย้ายตำแหน่งจากผู้ใต้บังคับบัญชา
โดยเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง เป็นเรื่องที่ได้ยินมานานในสังคมไทย มักมีข่าวออกมาเสมอๆ มีทุกยุคทุกสมัย แม้บางหน่วยงานที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมา ก็ใช้ว่าจะมั่นใจได้ว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมา เมื่อมีข่าวถูกเปิดเผย ก็มักจะได้รับการปฏิเสธ และเรียกหาหลักฐาน
ทว่าในเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในคดีที่กรมอุทยานฯ มีหลักฐานมัดแน่นหนา เจอของกลางแบบคาหนังคาเขา
ทั้งนี้ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เขียนบทความเอาไว้ในเพจเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุถึงราคาที่ต้องจ่ายในการซื้อขายตำแหน่งเอาไว้อย่างน่าตกใจทีเดียว โดยบอกว่า มีตั้งแต่มีตั้งแต่หลักแสนบาทถึงหลายร้อยล้านบาท
“ราคาซื้อขายจะสูงมากหรือต่ำไม่เกี่ยวกับระดับชั้นของตำแหน่ง เช่น ปลัดกระทรวงอาจซื้อ 200 ล้านบาท แต่อธิบดีกรมหลักในกระทรวงนั้นอาจแพงมากถึง 400 ล้านบาทก็มีมาแล้ว ราคาจึงขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่จะได้รับจากตำแหน่ง ซึ่งโดยมากเป็นหน่วยงานที่มีงบลงทุนหรืองบก่อสร้างมากๆ เช่น สร้างถนน สร้างเขื่อน หรือเป็นหน่วยงานที่ใช้งบแล้วโอกาสถูกตรวจสอบหาหลักฐานยาก เช่น กรมเกี่ยวกับฝนเทียม ขุดน้ำบาดาล งบแก้ปัญหาภัยพิบัติ หรือมีอำนาจจัดเก็บหรือหารายได้ เช่น ค่าเข้าอุทยาน เปิดสัมปทาน ประเมินเก็บภาษี หรือหน่วยงานที่มีเขตอำนาจในทำเลทอง เช่น มีโรงงานหรือมีธุรกิจผิดกฎหมายตั้งอยู่มาก ฯลฯ
...ล่าสุด กรณีกรมอุทยานฯ ทำให้เราได้ยินคำว่า ค่ารักษาตำแหน่ง และการประมูลตำแหน่ง”
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลักฐานปรากฏการซื้อขายตำแหน่งด้วยเงินจำนวนมหาศาล ก็ก็เป็นการสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในระบบราชการ