ในลิ้นชักความทรงจำ /ยูร กมลเสรีรัตน์
นวนิยายของโสภาค สุวรรณที่ผมอ่านเป็นเรื่องแรกคือเรื่อง “ตะวันลับฟ้า” ซึ่งเป็นนวนิยายเรื่องแรกที่เธอเขียน แต่ไม่ใช่นวนิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ เพราะเป็นนวนิยายเรื่องแรกนี่แหละ ทำให้ผมอยากอ่าน อยากรู้ว่าเป็นแนวทางว่า ผลงานเรื่องแรกของนักเขียนใหม่ที่ได้ตีพิมพ์เป็นยังไง จะได้ศึกษาเป็นแนวทางต่อไป
ตอนนั้นผมเพิ่งมีเรื่องสั้นตีพิมพ์ใหม่ ๆ ตั้งเป้าหมายการเขียนในอนาคตไว้ว่า จะต้องเขียนนวนิยายให้ได้ จึงพยายามขวนขวายศึกษาชีวิตและผลงานของนักเขียนทั้งไทยและต่างประเทศว่ามีเส้นทางการปีนป่ายอย่างไรและพบอุปสรรคอะไรบ้าง เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง
สำหรับโสภาค สุวรรณนั้น ความรักในการเขียนของเธอ เกิดจากการบ่มเพาะการอ่านมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อได้อ่านมาก ๆ เข้า ทำให้อยากเขียนบ้าง ดังที่เธอบอกเล่า
“นักเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจแต่เด็กคือ ดอกไม้สด อย่างเรื่อง ผู้ดี หนึ่งในร้อย ก. สุรางคนางค์ เรื่อง บ้านทรายทอง ดอกฟ้า วรรณสิริ เรื่อง วนิดา การอ่านมันซึบซับตัวเรามาเรื่อย ๆ “ สมัยนั้นเธอต้องแอบอ่าน ไม่ให้ผู้ใหญ่เห็น เป็นข้อห้ามสำหรับ เด็ก ๆ ในสมัยนั้นที่ห้ามอ่านเรื่องอ่านเล่นหรือเรื่องเริงรมย์ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง นวนิยายของนักเขียนชื่อดังเหล่านี้รุมเร้าใจจนทำให้ให้โสภาค สุวรรณอยากเขียนหนังสือ
เธอจึงเขียนใส่สมุดจดการบ้านของเพื่อน ๆ เพื่อเวียนให้กลุ่มเพื่อน ๆ ได้อ่านกัน จนกระทั่งก้าวออกไปสู่โลกของการเขียน ในขณะมีอายุ 12 ปี โดยส่งเรื่องสั้นไปประกวดที่หนังสือพิมพ์สารเสรี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่ประกวดงานเขียนของเด็กตั้งแต่อายุ 10-15 ปี เธอได้รางวัลเป็นเงิน 20 บาท เด็กสาวรู้สึกดีใจมาก เมื่อครูภาษาไทยรู้เรื่องนี้ ได้ให้กำลังใจเธอว่า เธอจะสามารถเป็นนักเขียนได้ ถ้าเธอยังรักที่จะเขียนต่อไป แต่ทว่า...
“ ไม่ได้เขียนเรื่องสั้นอีกเลย จนกระทั่งไปเรียนหนังสือทีเวียนนา ก็เขียนเรื่องท่องเที่ยวส่งไปหนังสืออ.ส.ท.(ปัจจุบันคือ หนังสือททท. )”
เมื่อกลับมาเมืองไทย โสภาค สุวรรณ เขียนจดหมายติดต่อไปที่นิตยสารสตรีสาร ที่มีอาจารย์นิลวรรณ ปิ่นทอง เป็นบรรณาธิการ เพื่อขอคำชี้แนะในฐานะนักเขียนใหม่ ก็ได้รับคำตอบมาว่าให้เขียนเรื่องสั้นส่งไปให้ดู
“ส่งไป 2-3 ครั้ง อาจารย์แก้มาให้ ตัวแดงเต็มเลย เราก็พิมพ์ใหม่ แล้วส่งกลับไป ก็ได้ลง ดีใจมาก จากนั้นอาจารย์ก็ให้เขียนเป็นเรื่องสั้นหลายตอนจบ”
หลังจากเรื่องสั้นเรื่องแรก “เสียงกระซิบจากริมหาด”ได้ตีพิมพ์ในสตรีสาร ตามด้วยเรื่องสั้น
อีกหลายเรื่อง โดยบรรณาธิการรุ่นครูที่ชื่อนิลวรรณ ปิ่นทองคอยชี้แนะเกี่ยวกับการเขียนให้โสภาค สุวรรณมาตลอด กระทั่งวันหนึ่งก็บอกเธอว่าให้เขียนนวนิยายส่งไป
“เขียนเรื่อง เกนรี-มายรี ส่งไปที่นิตยสารสตรีสาร เป็นไพรัชนิยาย(นวนิยายต่างแดนหรือนวนิยายเอ็กซอติก(Excotic))ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในพม่า”
ดังที่กล่าวข้างต้นว่า นิยายเรื่องแรกของโสภาค สุวรรณที่เขียน ไม่ใช่เรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ คือเรื่อง “ตะวันลับฟ้า” ทั้งที่เธอเขียนจบนานแล้ว แต่ไม่กล้าส่งไปที่ไหน เพราะยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ด้วยยังอายุน้อยมาก ไม่กล้าไปส่งด้วยตนเอง จึงให้คนขับรถที่บ้านเอาต้นฉบับนวนิยายเรื่องนี้ไปส่งที่นิตยสารสกุลไทยยุคสุภัทร สวัสดิรักษ์ เป็นบรรณาธิการ
ทว่า เวลาผ่านไปร่วมปี ก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงไปขอต้นฉบับคืน ในเวลาต่อมา บรรณาธิการสกุลไทยจึงไปขอต้นฉบับกลับมา ปรากฏว่านวนิยายเรื่อง “ตะวันลับฟ้า” ได้ลงในนิตยสารสกุลไทยพร้อม ๆ กับนวนิยายเรื่อง “เกนรี-มายรี”ในนิตยสารสตรีสารในวัย 21 ปี
นับแต่นั้นเป็นต้นมา โสภาค สุวรรณก็มีนวนิยายตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทยเป็นประจำ ส่วนนิตยสารสตรีสารนั้น เธอจะเขียนลงเป็นบางช่วง เพราะยี่ห้อสตรีสารที่มีอาจารย์นิลวรรณ ปิ่นทอง เป็นบรรณาธิการนั้น ทั้งเข้มงวดและเข้มด้วยคุณภาพ เท่าที่จำได้ได้แก่เรื่อง โกบี พรสรวง ฯลฯ
ภายหลังได้เขียนนวนิยายลงในนิตยสารหญิงไทยด้วย
โสภาค สุวรรณ สร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นแตกต่างจากนักเขียนยุคเดียวกัน นั่นก็คือ แนวที่เธอเขียนส่วนใหญ่จะเป็นไพรัชนิยาย ซึ่งใช้ฉากต่างแดนและตัวละครเป็นชาวต่างชาติ ตอนที่ไพรัชนิยายเรื่อง “หิมะสีแดง”ตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทยนั้น แฟนนักอ่านชื่นชอบและฮือฮากันมาก เพราะใช้ฉากต่างแดนแถบประเทศเชคโกสโลวาเกียได้อย่างแนบเนียนและสมจริง จนคนอ่านเข้าใจว่าเป็นเรื่องแปล
การที่เธอสามารถเขียนออกมาได้อย่างสมจริงและแนบเนียนนั้น เพราะเธอต้องย้ายติดตามบิดา ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตตั้งแต่อายุ 5 ขวบไปอยู่หลายประเทศด้วยกัน ทำให้เธอมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราว ภูมิประเทศ วัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของคนชาตินั้น ๆ ที่เธอเขียนถึงอย่างถ่องแท้ ทำให้นวนิยายที่เธอสร้างสรรค์ออกมาแต่ละเรื่องสร้างความประทับใจให้กับคนอ่าน โสภาค สุวรรณตั้งปณิธานในการเขียนนวนิยายทุกเรื่องเอาไว้ว่า
“เวลาเขียนหนังสือจะมีความตั้งใจไว้แล้วว่า นอกจากจะให้ความบันเทิงกับคนอ่านแล้ว จะให้ต้องให้ความรู้อะไรใหม่ ๆ ถ้าเราใส่อะไรไปในเรื่อง ให้คนอ่านเขาได้ความรู้ด้วย ให้เขารู้สึกว่าได้ประโยชน์ เป็นแนวที่ยึดถืออย่างนี้เรื่อยมา”
ความจริงแล้วโสภาค สุวรรณมีสายเลือดนักเขียนแฝงฝังอยู่ เปรียบเสมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะบิดาคือ คณาศัย สุนทร ซึ่งเป็นนามปากกาของ สุนทร สุวรรณสาร ผลงานนวนิยได้แก่ แมนสรวง ดอกฟ้านภาเทียน หลั่งเลือดรวมไทย รอยรัก ฯลฯ สำหรับเรื่อง “รอยรัก”ได้รับการสร้างเป็นละครฮิตทางทีวีช่อง 5 เมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว
จากการย้ายติดตามบิดาไปประเทศต่าง ๆ ทำให้โสภาค สุวรรณเกิดการซึมซับ สร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวพันมนุษยชาติที่เธอได้พบเห็นและมีความผูกพันจากดินแดนต่าง ๆ ในหลายประเทศอย่างสมจริงและมีชีวิตชีวา จนทำให้ไพรัชนิยายที่เธอเขียน คนอ่านใจว่าเป็นเรื่องแปล ไม่ว่าจะเป็นนวนิยายเรื่อง เกนรี-มายรี หิมะสีแดง ทะเลสาบพระจันทร์ ความลับบนแหลมไซไน ศิขริน-ทวินตา ฟ้าจรดทราย เจ้าชาย ฟ้าสางที่ดัคกา โกบี เป็นอาทิ
โสภาค สุวรรณ มีผลงานทั้งหมดกว่า 100 เรื่อง นอกจากความสามารถในการสร้างสรรค์ไพรัชนิยายแล้ว ยังมีผลงานนวนิยายหลากหลายแนว นั่นก็คือ แนวชีวิตและสะท้อนสังคมได้แก่ ตะวันลับฟ้า ถนนลูกรัง รักเร่ รักในสายหมอก บ้านแก้วเรือนขวัญ เป็นอาทิ แนวประวัติศาสตร์-สายโลหิต ญาติกา สิคีริยา แนวการเมือง-บัวแก้ว คลื่นใต้น้ำ นวนิยายแนวจิตวิทยา-ดวงยิหวา ลมหวน นวนิยายเบาสมอง-สเปโต
สารคดีท่องเที่ยว- สาวน้อย(ไทย)ในเมืองฝรั่ง หยาดมุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย ห้าพันไมล์ในสหรัฐฯและเที่ยวดิสนีย์เวิร์ลด์ สำหรับรวมเรื่องสั้นนั้น เท่าที่สืบค้นมี 2 เล่มคือ เสียงกระซิบจากริมหาด เป็นเรื่องสั้นแนวฆาตกรรมและ ฝันของนุจรี เป็นเรื่องสั้นแนวจิตวิทยาที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสารสตรีสาร
นอกจากนามปากกา โสภาค สุวรรณ ยังมีอีกนามปากกาหนึ่งคือ ศิริรำไพ นามปากกานี้ ผมสังเกตว่าแรก ๆ จะใช้เขียนนวนิยายแนวเบาสมอง จำได้เรื่องเดียวคือ สเปโต ภายหลังใช้เขียนแนวชีวิตด้วยในช่วงที่มีชื่อเสียงพุ่งแรง เธอเคยเขียนนวนิยายพร้อมกันถึง 7 เรื่องในนิตยสารหลายฉบับ ช่วงหลัง ๆ เหลือนามปากกา โสภาค สุวรรณ เพียงนามปากกาเดียว
เกียรติคุณที่ได้รับจากการสร้างสรรค์ผลงานมาเป็นเวลายาวนานก็คือ ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์(นวนิยาย) ประจำปี 2556 และสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยยกย่องให้เป็นนักเขียนนราธิป เมื่อปี 2563
ขณะที่เขียนนวนิยายโสภาค สุวรรณจะเปิดเพลงกล่อมเกลาอารมณ์ไปด้วย นวนิยายเรื่องหนึ่งใช้เพลงชุดหนึ่งประมาณ 5-10 เพลง เช่นเรื่องรักเร่ จะเปิดเพลงของโยฮัน สเตราส์ทั้งชุด เรื่อง ศิขริน-ทวินตา และสายโลหิต เปิดเพลงมาร์ช เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทหาร แต่เมื่อเขียนจบแล้ว เธอจะไม่ใช้เพลงเหล่านี้อีกเลย
การที่เธอเปิดเพลงเวลาเขียนหนังสือ เข้าใจว่าเป็นเพราะว่าเธอเป็นนักดนตรีบำบัด ซึ่งเป็นอาชีพหนึ่งของเธอในการใช้เสียงเพลงบำบัดรักษาคนไข้จิตเวช ซึ่งเธอเรียนจบด้านดนตรีบำบัด เกียรตินิยมอันดับ 1 จากสถาบันการดนตรี มหาวิทยาลัยเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย และได้นำวิชานี้ทำงานด้านจิตเวชที่โรงพยาบาลศรีธัญญาเป็นเวลา 7 ปี
โสภาค สุวรรณ มีความสามารถในการเขียนหลากหลาย ให้อารมณ์อันลึกซึ้ง โดยเฉพาะไพรัชนิยายนั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงสรรพคุณว่ามีความโดดเด่น จนเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นวนิยายเรื่อง “พรสรวง” ย่อมเป็นข้อพิสูจน์ในผลงานที่ละเมียดละไมที่เธอฝากไว้เป็นเรื่องสุดท้ายในนิตยสารสตรีสาร
“มนุษย์เกิดมาเพื่อความสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อความล้มเหลว”(เฮนรี่ เดวิด ธอโร)