สถาพร ศรีสัจจัง
เป็นธรรมเนียมนิยมของสื่อมวลชนไทย ที่ปีใหม่ครั้งหนึ่ง ก็จะตั้ง “ฉายา” ให้รัฐบาล และบุคคลในรัฐบาล รวมไปถึงบุคลากรชั้นผู้ใหญ่ระดับ “ผู้บังคับบัญชา” ไม่ว่าจะเป็นายทหารใหญ่ หรือนายตำรวจใหญ่ฯลฯ เสียทีหนึ่ง
แต่ปีนี้ ที่หนักหน่อย ดูเหมือนจะเป็นท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐบาลในการนำของท่าน!
ที่ว่า “หนักหน่อย” ก็คือถ้าอ่านความรู้สึกในใจของท่านนายกฯ “ลุงตู่” ของบางใคร เมื่อได้รับรู้ถึง “ฉายา” ที่สื่อมวลชนตั้งให้ ก็น่าจะเป็นทำนองว่า ทำไม?พวกมึงถึงไม่เห็นสิ่งดีๆและเจตนาดีๆที่กูและรัฐบาลก็ทำให้บ้างวะ!
ทั้งเรื่องการลงมือ “ทำจริง” เรื่อง “โลจิสติกส์” หรือ “การคมนาคม” ของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่ปรากฏโครงการให้เห็นเป็นรูปธรรมมากมาย ทั้งที่กำลังจะเสร็จ ทั้งที่อนุมัติใหม่ ฯลฯ (ยกเว้นก็คือห้ามพูดถึงเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว!)
ทั้งเรื่องรถไฟรางคู่ ทั้งเรื่องการเชื่อมต่อเส้นทางเพื่อการค้ากับเมืองจีนกับรถไฟความเร็วสูงของประเทศ สปป.ลาว ทั้งเรื่องความรุดหน้าของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (ที่ฟังว่าต่างชาติมีโครงการมาลงทุนกันอย่างมโหฬารบานตะไทกันแล้ว!)ฯลฯ
กลับตั้งฉายามาได้ไงว่า “นายกฯแปดเปื้อน”/และ “รัฐบาลหน้ากากคนดี”!
ใครที่ได้ยินได้ฟังแล้วไม่หงุดหงิด ก็บ้าละ!
ใครก็ย่อมรู้ว่า ที่ตั้งว่า “นายกฯแปดเปื้อน” นั่น “แปด” ย่อมหมายถึง 8 ปีแห่งการนั่งอยู่บนบัลลังก์นายกรัฐมนตรีของคนที่ชื่อ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”!
ส่วนคำ “เปื้อน” นั้นคงไม่ต้องอธิบายความให้มาก เพราะเป็นคำไทยพื้นๆ แม้ “คนรุ่นใหม่” ในยุคปัจจุบันจะเลิกใช้คำไทยกันไปมากแล้ว (เพราะเชย?) ก็น่าจะยังเข้าใจความหมายได้ดี ว่าหมายถึง “สกปรก” หรือ “เลอะเทอะ” หรืออะไรที่เป็นทำนองลบๆไม่สวยงามสักเท่าไหร่นั่นแหละ!
ส่วนฉายาที่รัฐบาลของนายกฯลุงตู่ได้รับ คือ “หน้ากากคนดี” ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ฟังดูก็รู้ว่าเป็นการตั้งให้แบบประชดประชันอย่างรุนแรงเจ็บปวดเสียมากกว่า!
เพราะแม้คำ “หน้ากาก” จะเป็นคำที่คงมีเจตนาให้ “ล้อ” กับยุคที่คนไทยต้องสวมหน้ากาก (Mask)กันอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันโรคระบาดใหญ่ที่ชื่อ “โควิด-19” ก็ตาม แต่จริงๆแล้วกลุ่มสื่อมวลชนที่คิดคำนี้ขึ้นมา คงจะนึกถึงความหมายของคำนี้ในเชิง “พวกคนปากอย่างใจอย่าง” หรือไม่ก็คงอยากให้หมายถึงคนประเภท “ข้างนอกสุกใส ข้างในตะติ้งโหน่ง” หรืออะไรทำนองนั้น เสียมากกว่าละมั้ง?!
ทีไปกันหนักก็คือ “คำนิยาม” ที่สื่อมวลชนเขาอธิบายกำกับไว้เป็นบริบทนั่นแหละ ลองไปหาอ่านกันเอาเองดูก็แล้วกัน!
ถ้าไม่รู้จะอ่านหรือ “ดู” ที่ไหนก็อยากแนะนำให้ว่า ในเรื่องนี้คนที่เอามาอ่านออกเสียงออกสื่อได้อย่างยอดเยี่ยม ก็น่าจะไม่มีรายการใดเกินรายการ “เล่าข่าว” ของท่าน “กรรมกรข่าว” คือ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา นั่นไง ใครที่ไม่ได้ดูจากจอทีวีโดยตรงในวันที่เขาอ่านเขานำมาเล่า ก็สามารถไปเปิดคลิปดูตามหลังเอาจากที่ไหนก็ย่อมได้!
ช่วงปีใหม่แท้ๆ แถมยังเป็นช่วงที่ท่านนายกฯ ลุงตู่ เพิ่งประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะยัง “เล่นการเมือง” ด้วยความเชื่อมั่นในความดี ความสำเร็จของตน และ รัฐบาลภายใต้การนำของตน (และคณะ)ว่าคนไทยคงอยากจะไห้ท่านเป็นนายกฯ ต่ออีก(อย่างน้อย) สัก 2 ปี เพื่อ “เคลียร์” นโยบายหลายเรื่องที่ตั้งแปดปีแล้วยังทำไม่เสร็จ! (หรือยังไม่ได้ทำเลย?) เช่น เรื่องการปฏิรูปทั้งหลายทั้งปวง ตั้งแต่ระบบการเมืองจนถึงระบบตำรวจ อะไรนั่น
มาตั้งฉายา แถมยังอธิบายนิยามกำกับความเชิงให้ร้าย (มองด้านเดียวอย่างอคติ?)ท่านนายกฯและรัฐบาลของท่านเสียอย่างนี้แล้ว “มวลชนผู้รับสาร” (Mass audient) ที่ไหนๆที่มักจะสื่อกันอยู่แล้ว ก็อาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวท่านกันไปหมดสิ!
แล้วช่วงเวลาอีกแค่ 4-5 เดือนข้างหน้า ที่จะต้องเลือกตั้งกันแล้ว จะมีใครเชียร์ หรือ เลือกพรรคการเมืองที่ท่านนายกฯลุงตู่อุตส่าห์ “เสียสละตัวเอง” ไปสังกัดไปรับปากจะเป็นนายกรัฐมนตรีให้อีกเล่า?!
ช่างเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศนี้แท้ๆ! (นี่เป็นคำเปรยแทนความรู้สึกของบรรดา FC ที่เหนียวแน่นของท่านนายกฯลุงตู่นะจ้ะ!)
นอกจากเรื่องที่บรรดาสื่อมวลชนจะ “เล่น” ท่านนายกฯ และ รัฐบาลของท่านในช่วงยามที่แสนจะเป็นมงคลอย่างช่วงปีใหม่เสียจนอาจจะเรียกได้ว่า “เละตุ้มเป้ะ” แล้ว ก็ยังมีเสียง “บุคคลแห่งปี” ของประเทศไทย ตะโกนก้องประสานขึ้นมาอีกเสียงอันนี้สิ ดูจะน่ากลัวเสียยิ่งกว่า…
นั่นคือเสียงของ “อัศวินจีนเทา” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์"!!
เสียงของคนที่อ้างว่าเป็น “ประชาชนไทยคนหนึ่ง” คนนั้น ฟังดูแล้วโหยหวนแบบน้อยอกน้อยใจชอบกล ที่ท่านนายกฯ “ลุงตู่” ไม่มีสักแอะเดียว ที่จะพูดถึง “กรณีจีนเทาตู้ห่าว” ที่คุณชูวิทย์ เปิดประเด็นใหกลายเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ จนทำให้บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ “กระบวนการยุติธรรม” ของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ (และอาจจะข้างน้ำ) เกิดการ “ประสานงา” กันให้จ้าละหวั่น จนดูจะเริ่มเลอะเทอะเปรอะ “เปื้อน” กันไปหมด!
คุณชูวิทย์เน้นย้ำน้ำเสียงที่คงจะก้องเต็มหูท่านนายกฯลุงตู่เสียกระมังว่า ท่านในฐานะหัวหน้าของตำรวจและอีกหลายหน่วยงานจะวางเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน และไม่รับรู้รับเห็นในเรื่องนี้อยู่ได้อย่างไร!จะอ้างแค่ว่าบรรดาลูกน้องท่านอย่างพวกตำรวจหมาต๋ามีหน้าที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่อยากล้วงลูกได้อย่างไร? ก็คุณชูวิทย์อภิปรายยกข้อมูลข้อเท็จจริงมาแสดงให้เห็นเสียจนปากแกแทบฉีกอยู่แล้วว่า พวกนั้นล้วนแล้วมีปัญหาและไม่จริงใจในการทำคดี!
นี่ยังไม่นับเรื่องเสียงตะโกนกันให้เซ็งแซ่เรื่องพวกหนีคดีไปอยู่เมืองนอก หรือเรื่องการที่มีข่าวว่า ทาง ป.ป.ช.จะ “ฟอกขาว”ให้ผู้ต้องหาคนสำคัญๆที่เป็นนักการเมืองระดับ “นายกรัฐมนตรี” และ บรรดาลูกน้องคนสำคัญในเรื่องคดี “จำนำข้าว” ยุค “จีทูจี” ที่คุณหมอวรงค์สู้มาแบบเอาเป็นเอาตาย เลยนะ!
หรือเหตุการณ์ที่ถูกขุดคุ้ยโจมตีเรื่องความล้มเหลวในการบริหารประเทศของท่านนายกฯ ลุงตู่ ทั้งหมด จะไม่เกิดจากเหตุที่แท้จริงแล้ว ท่านควรจะได้รับฉายาว่า “ตู่ ลอยตัว” มากกว่า “ตู่ แปดเปื้อน” ที่สื่อมวลชนเขาตั้งให้ ?!!!