การกลับมาของ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ภายใต้การควบคุมโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และอดีตหัวหน้าพรรค กำลังจะกลายเป็นเหมือน ฟางเส้นสุดท้าย ที่อาจทำให้เกิดความโกลาหล ตามมาที่พรรคพลังประชารัฐ ระลอกใหม่
แต่เมื่อนาทีนี้ พรรคพลังประชารัฐ ต้องการ กำลังเสริม โดยเฉพาะ ลูกน้องที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไว้วางใจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้เห็น ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ในมือร.อ.ธรรมนัส กลับมาเขียนใบสมัคร กลับเข้าเป็นสมาชิกพลังประชารัฐอีกครั้ง
ทว่าการกลับของกลุ่มร.อ.ธรรมนัส อาจทำให้กลายเป็น เงื่อนไข ที่ทำให้หลายกลุ่ม หลายก๊วน ในพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยตั้งท่าจะประสานงากันมาก่อนหน้านี้ ต้องตัดสินใจ ว่าจะอยู่หรือไป !
จากเดิมที่สถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐเอง ต้องรับมือกับแรงกระเพื่อม เมื่อบรรดาลูกพรรคพากันย้ายออกไปเปิดตัวที่ พรรคภูมิใจไทย กันอย่างคึกคักเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ส.ส.กทม. และยังพบว่าพรรคพลังประชารัฐมีจำนวนส.ส.ย้ายเข้าสังกัดภูมิใจไทยมากเป็นอันดับ1
แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้ย่อมบั่นทอนและกระทบต่อ คนที่ยังอยู่ ว่าจากนี้จะคิดอ่านหรือประเมินอนาคตทางการเมืองของตัวเองอย่างไร ?
หนึ่งในหลายกลุ่มการเมือง ที่มีความชัดเจนว่าไม่ต้องการทำงานกับกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส คือ กลุ่มสามมิตร ที่วันนี้แม้ ปริมาณ สมาชิกในกลุ่มจะลดลง ไปตามเงื่อนไขและปัจจัยทางการเมือง แต่ยังมี สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. อุตสาหกรรม อาจจะต้องประเมินว่าการอยู่ต่อที่พรรคพลังประชารัฐ หรือการเลือกไปที่ พรรคเพื่อไทย นั้นทางเลือกไหน คือ คำตอบ สำหรับกลุ่มสามมิตรได้มากกว่ากัน
อย่างไรก็ดี ในอีกด้านหนึ่ง การกลับมาของกลุ่มส.ส.ในขั้วของร.อ.ธรรมนัส ยังอาจกลายเป็น เงื่อนไข ที่ทำให้ บรรดาส.ส.ที่แม้ไม่มีความขัดแย้งกันมาก่อน ใช้เป็น เหตุ เพื่อย้ายพรรค โดยเฉพาะการมุ่งหน้าไปที่พรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อย่างชอบธรรม !