หลังจากที่ปล่อยให้พรรคการเมือง ทั้งฝ่ายพันธมิตร จนถึงฝ่ายตรงข้าม พากันเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โหมโรงล่วงหน้าไปแล้วหลายช่วงตัว !
ล่าสุดก็ถึงเวลาที่ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้จังหวะ ขยับหมาก เพราะถ้าบิ๊กตู่ ยังปล่อยให้สถานการณ์ทางการเมือง เดินหน้าไปตามธรรมชาติ และวิถีของตัวเอง จะยิ่งทำให้ แรงเสียดทาน กระแทกไปถึง พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคการเมืองใหม่ถอดด้าม ที่พร้อมจะชู พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯในรอบหน้า
ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวลือมาพักใหญ่ว่าจะมีการปรับเปลี่ยน เก้าอี้ ที่ใกล้ตัวพล.อ.ประยุทธ์ นั่นคือตำแหน่ง นายกฯน้อย จาก ดิสทัต โหรตระกิตย์ มาเป็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แต่แล้วในที่สุด ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 323/2565 พีระพันธุ์ พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ
เพื่อเตรียมเข้าไปนั่งในเก้าอี้ตัวใหม่ ที่ใกล้ตัวพล.อ.ประยุทธ์ โดยคาดว่าในการประชุมครม.วันนี้ 20ธ.ค. จะมีการเสนอแต่งตั้งให้พีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ แทน ที่ได้ลาออก จากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้
หมายความว่าจังหวะการเดินหน้าบนถนนการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ย่อมจะต้องสอดคล้องไปกับจังหวะของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังเผชิญหน้ากับข่าวลือหนาหูที่โจมตีอย่างต่อเนื่องว่า พล.อ.ประยุทธ์ และกลุ่มการเมือง ที่เป็นกองเชียร์อาจไม่มาตามนัด
เพราะการขยับหมากของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการแต่งตั้งพีระพันธุ์ เข้ามาในตำแหน่ง นายกฯน้อย คือการส่งสัญญาณไปยัง ฝ่ายตรงข้าม ที่อยู่ทั้งพรรคฝ่ายค้าน และ ฝ่ายแค้น ที่พรรคพลังประชารัฐ ว่า บิ๊กตู่ เอาแน่ !
การเปิดตัวสมาชิกใหม่ กว่า 34 คนของพรรคภูมิใจไทย เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนคือหนึ่งในแรงกดดัน ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดคือผลในทางจิตวิทยาการเมือง
นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึง พรรคเพื่อไทย ในฐานะฝั่งตรงข้ามว่าเกมนี้ พรรครวมไทยสร้างยังไม่ได้ขยับเต็มพิกัด และการยุบสภาฯยังจะไม่เกินขึ้นตามที่เสียงเร้า แม้จะมีความพยายามประสานเสียงกันทั้งในและนอกสภาฯก็ตามที