ทีมข่าวคิดลึก
ท่าทีและเสียงสะท้อนจากประชาชนที่มีต่อ "บิ๊กตู่" พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านผลการสำรวจความเห็นจากโพลสำนักต่างๆ หลายต่อหลายครั้ง ดูเหมือนว่าในเรื่องของ"ความนิยม" ของ พล.อ.ประยุทธ์คือ "จุดแข็ง" และ "จุดขาย" ที่เด่นชัดมากที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ในยามที่สถานการณ์ของทั้งรัฐบาล และ คสช.จะเพลี่ยงพล้ำก็ตาม
พล.อ.ประยุทธ์ สามารถบริหารความเชื่อมั่น การยอมรับ และคะแนนนิยมของตัวเองได้อย่างโดดเด่นตลอดมา แม้การยอมรับจะไม่ได้เกิดขึ้นจากผู้คนทุกกลุ่ม ก็ตาม ล่าสุดผลการสำรวจความเห็นจาก "สวนดุสิตโพล" เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ระบุว่าประชาชนเชื่อใจในตัวพล.อ.ประยุทธ์ ถึงร้อยละ 74.36 เพราะมีความเป็นผู้นำ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี พูดจริง ทำจริง มุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและส่วนรวม
นอกจากนี้ประชาชนยังมีความพึงพอใจในการแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน การจัดระเบียบสังคม และการที่เป็นรัฐบาลโดยไม่มี "นักการเมือง" เข้ามาร่วม ทำให้การทำงานสอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกันรวมทั้งยัง มีความชัดเจนในการจัดการเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้คือภาพสะท้อนที่ส่งให้ พล,อ.ประยุทธ์ คงความโดดเด่นและยังคงมีพลังมากพอที่จะประคับประคอง"แม่น้ำ"ทุกสายในมือ คสช.ให้เดินหน้าไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
ปมประเด็นการเมืองที่กำลังดำเนินไปด้วยความวุ่นวาย ซึ่งสืบเนื่องมาจากปัญหา "คนใกล้ชิด"พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งกลายเป็น "จุดอ่อน" ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้โจมตี เรียกร้องให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสคนใกล้ชิดนายกฯ แต่ในขณะเดียวกัน ยังต้องไม่ลืมว่าในเวลานี้ สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างแท้จริงย่อมไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง
หากแต่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนอันเป็นผลมาจากภัยธรรมชาติ เนื่องด้วยมีหลายจังหวัดกำลังเผชิญหน้ากับ "ภาวะน้ำท่วม"ในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกัน "ปัญหาปากท้อง" ได้ออกฤทธิ์เป็นรูปธรรมมากขึ้น ล่าสุด กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำรวจดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของ ประเทศ (เงินเฟ้อ) ได้สำรวจราคาสินค้าอาหารบริโภคในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) พบว่า ประชาชน ต้องบริโภคอาหารในราคาที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหารเอง หรือออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน
และที่น่าเป็นกังวลไปกว่านั้นคือการที่สภาวะเช่นนี้ยังมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปจากนี้อีก 6 เดือนข้างหน้า โดยมีรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำแผนการทำงานเร่งด่วน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
การเร่งแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อคนส่วนใหญ่ทั้งจากปัญหาน้ำท่วม และปัญหาปากท้อง น่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสั่งการไปยัง "ฟันเฟือง" ทุกตัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำงาน เพื่อให้เกิดผลงานออกมาเป็นที่ประจักษ์และจับต้องได้นั้น อาจเป็นการพลิกสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังวุ่นวาย และ คสช.หวุดหวิดจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เพราะฝ่ายตรงข้ามยัง "เล่นไม่เลิก"เพราะต้องไม่ลืมว่าที่สุดแล้ว"ต้นทุน" ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีอยู่ในมือ คือ "คะแนนนิยม" ของตนเองนั้นย่อมไม่เพียงพอที่จะพยุงรัฐบาลและคสช.ให้ฝ่าข้ามไปจากปัญหาโดยเฉพาะหากเป็นปัญหาที่ทำให้ประชาชนตกอยู่ในความเดือดร้อนกันทั่วหน้า เช่นนี้ !