สถาพร ศรีสัจจัง
ลม “เลือกตั้ง” โชยมาแผ่วๆมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนครึ่งปีที่รัฐบาลชุดซึ่งมี “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีจะหมดวาระลง
ยิ่งพอผ่านการประชุม “โชว์ฝีมือรัฐบาล” คือการประชุม “เอเปก” ที่ฟังว่าบรรดาผู้นำโลกและ อาคันตุกะซึ่งเข้าร่วมประชุม ทั้งที่เป็นเพื่อนอาเซียน ทั้ง “ท่านผู้นำ” จีนอย่างท่าน สี จิ้นผิง (ผู้เดินทางออกนอกประเทศยากมากในช่วงนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์”ของจีน) และผู้นำชาติฝรั่งอั้งม้อ ทั้งยุโรป (เช่น นาย “มาครง” รูปหล่อแห่งฝรั่งเศส) และ สหรัฐอเมริกา(แม้จะส่งแค่รองประธานาธิบดีมาก็เถอะ!) ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวหลายประการที่รัฐบาลไทยจัดมาโชว์มารับรอง เรียบร้อยแล้ว
ทั้งอาหารในรูปแบบที่แสนสวยและอร่อย ทั้ง “ซอฟต์ พาวเวอร์” นานาชนิด มีทั้งโขนละคอน ทั้งรำไทย ทั้งพิธีลอยกระทง ฯลฯ และ “พี่เบิร์ด”!
ดูเหมือนทั้งพรรค “กาน” เมืองและนัก “กาน” เมืองในเมืองไทยก็จะเคลื่อนไหวกันจนคึกคักสับสนกันในทีนที หนักหนาจนสื่อมวลชนแทบจะเสนอเรื่องราวกันไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การดูด ส.ส.หรือการย้ายพรรคของบรรดา “ท่านผู้แทนฯปวงชนผู้ทรงเกียรติ” กันแทบไม่ทันในแต่ละวัน!
ที่ใช้คำ “ก-า-น-เ-มื-อง” แทนคำ “การเมือง” ในที่นี้ก็เพราะ บังเอิญ (อีกแล้ว) ได้รับ “บทกวี” จากนักกลอนท่านหนึ่งเขาเขียนเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างของสิ่งที่เขาเรียกว่า “นักการเมือง” กับ นัก “กานเมือง ได้ชัดเจนชัดใจ จนอยากนำมา “บอกต่อ” กับท่านผู้อ่าน เผื่อจะได้ช่วยกันเผยแพร่ให้รับรู้อย่างกว้างขวางกันออกไปอีกสักหน่อย
เผื่ออาจจะมีส่วนช่วยให้การ “เลือกผู้แทน” ที่กำลังจะถึงในเวลาอีกไม่นานของสังคมเรามีคุณภาพขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย
อธิบายเพิ่มอีกนิดหนึ่งว่า พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายคำว่า “กาน” ไว้ดังนี้
“กาน : ก.(กริยา) ตัดเพื่อให้แตกใหม่ เช่น กานต้นมะขาม ตัดเพื่อให้ลำต้นเปลา เช่น กานต้นสน
(อีกความหมาย)ควั่นเปลือก และกระพี้ต้นไม้เพื่อให้ยืนต้นตาย เช่น กานต้นสัก
(อีกความหมาย)ควั่นเปลือกหรือกระพี้ต้นไม้เพื่อให้มีลูก เช่น กานต้นมะพร้าว
ในบทกวี(ที่ได้รับมา)และบทความนี้ ใช้ในความหมายที่ 2 คือ “ควั่นเปลือก และ กระพี้ต้นไม้เพื่อให้ยืนต้นตาย เช่น กานต้นสัก
คำ “นักกานเมือง” ในที่นี้จึงมีความหมายว่า “คนที่ทำให้เมืองตาย”!
บทกวีเต็มๆบทที่ได้รับนั้นมีเนื้อความดังนี้ :
“นัก” กาน "เมือง”
๐ ไม่มีภาพสวยสวยให้รู้สึก/แม้เพียงนึกก็เหมือนมีกลิ่นเหม็น
กลิ่นน้ำลายสามานย์ซ่านกระเซ็น/และคล้ายเห็นฝูงเปรต-ฝูงโหงพราย
เห็นโจรชุดสากล-ผู้ต้นเหตุ/ปล้นสะดมประเทศจนฉิบหาย
เห็นแววตาฉ้อฉลทุรนทุราย/เยี่ยงคนขาดยางอายไร้คุณธรรม
เห็นคนปากปล้อนปลิ้นกินไม่อิ่ม/นัยตาชั่วแฝงยิ้มแบบรอห้ำ
เห็นคนหน้าสะอาดใส-แต่ใจดำ/ชอบคิดค้นถ้อยคำกล่อมหูคน
มีบ้างที่แต่เดิมคล้ายเคยดี/แล้วกลายกลับอัปรีย์อยู่เกลื่อนกล่น
บ้างเคยเดินนำหน้าประชาชน/ก็กลายกลับสัปดนกระดางลาง
"เขา" เหล่านี้ดำรงอย่างองอาจ/เรื่อง "กังฉิน-โกงชาติ" จนเกินอ้าง
ปรากฏหัวให้เห็นทั่วเส้นทาง/อยู่ในร่างสามานย์ “นั ก ก า น เ มื อ ง"!!ฯ
ดังนั้นถ้าจะใช้คำเรียกองค์กรที่บรรดา “นักกานเมือง” มารวมกันอยู่ จนเป็นคณะ “โจรชุดสากลผู้ต้นเหตุ ปล้นสะดมประเทศจนฉิบหาย” ก็ต้องเรียกว่า “พรรคกานเมือง” ใช่หรือเปล่า?
ถึงตอนนี้ ก็เห็นมีหลายพรรค (ไม่แน่ใจว่าเป็น “พรรคกานเมือง” หรือ “พรรคการเมือง”) เริ่มประกาศ “เป้ามุ่ง” และ แนวนโยบายพรรค แบบ “สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน” กันบ้างแล้ว
มีอยู่พรรคหนึ่งประกาศ “เป้ามุ่ง” ของพรรค โดยใช้เป็นคำทับศัพท์จากคำฝรั่ง หลายผู้รู้ทางการใช้ภาษาคุยกันว่า เรื่องนี้ น่าจะเป็นการใช้อย่างผิดความหมายอย่างที่ควรจะเป็นละกระมัง?(โดยไม่เข้าใจหรือโดยเจตนาจะไม่เข้าใจ)
นั่นคือพรรคนั้นเขาประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะถึง “พรรค” ของพวกเขาจะต้องได้รับชัยชนะแบบ “แลนด์สไลด์”อย่างแน่นอน!
คำ “แลนด์สไลด์” นั้นความหมายตรงๆในภาษาไทยก็คงกินความประมาณ “แผ่นดินถล่ม” อันอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น น้ำท่วม สึนามิ แผ่นดินไหว หริอภูเขาไฟระเบิด เป็นต้น
ความหมายแท้ๆของคำ “แลนด์สไลด์” จึงมีความหมายในเชิงลบ ที่หมายถึง “ปรากฏการณ์ที่มักนำหายนะมาให้ชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านชาวเมืองแบบถล่มทลาย” นั่นเอง !
หรือจะยังไม่เข้าใจตรงกันอีก?
ถ้าไม่เข้าใจ ก็คงต้องยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมาให้เห็น ทั้งในระดับโลก และ ระดับประเทศไทย ในคราวหน้า ว่าปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์” ครั้งสำคัญๆของโลกและของประเทศไทยนั้น นำหายนภัยใหญ่หลวงมาให้ชาวบ้านชาวเมืองและมนุษยชาติอย่างไรบ้าง!!!