ความชัดเจนจาก วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เปิดเผยว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ รัฐบาลจะนำร่างพระราชบัญญัติประกอบ(พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพรรคการเมืองขึ้นทูลเกล้าฯ เท่ากับว่าเป็นการการันตีให้กับ นักการเมือง ได้ว่าจะมีกฎหมายลูก 2ฉบับเพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า รวมทั้งยังชี้ชัดว่า การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
และเมื่อนักการเมือง มั่นใจในสัญญาณทางการเมืองเช่นนี้แล้ว จึงทำให้พากัน เตรียมตัวลงสู่สนามเลือกตั้ง เตรียมเข้าประจำลู่วิ่งกันเป็นทิวแถว
นั่นหมายความว่า หากจะพบว่าเวลานี้มีการเคลื่อนไหว ย้ายพรรค กันอุดลุตก็อย่าได้แปลกใจ เพราะการตัดสินใจ ย้ายออกจาก พรรคเก่า แล้วมุ่งหน้าไปสังกัด พรรคใหม่ นั้นย่อมไม่ใช่แค่คำนึงถึงระยะเวลาในการเข้าสังกัดพรรคก่อนวันเลือกตั้ง เป็นเวลากี่วันเท่านั้น
หากแต่ในอีกด้านหนึ่งยังถือเป็นความจำเป็นที่ต่างจะต้องหาทางเข้าไป จับจองที่นั่ง กันที่พรรคการใหม่ โดยเฉพาะเมื่อประเมินแล้วว่า นาทีนี้พรรคใด มี มูลค่า เหมาะแก่การลงทุนสูงสุด ย่อมหมายความว่า การแย่งชิงใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น ทั้งการลงสมัครส.ส.เขตเลือกตั้ง และส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ลำดับที่มั่นใจได้ว่า จะเข้าสภาผู้แทนราษฎร
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองยามนี้ ทั้งในและนอกสภาฯ มีความเข้มข้นไม่ต่างกัน ยิ่งเมื่อสัญญาณย้ายพรรคเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกลายเป็น ตัวเร่ง ทำให้ปัญหา สภาฯล่ม ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนกระทบกับการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญ
นอกจากนี้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ยังแสดงความหนักใจ ต่อปัญหาสภาฯล่ม จนถึงขั้นที่ขอให้ รองนายกฯวิษณุ ประสานไปยัง นายกฯ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อกำชับให้ลูกพรรคของแต่ละเข้าร่วมเป็นองค์ประชุม
แต่ดูเหมือนว่า เมื่อเสียงปี่เสียงกลอง โหมโรงการเลือกตั้ง ดังกระหึ่มมากเท่าใด บรรดานักการเมือง พากัน ขยับเพื่อหาทางไปต่อกันอย่างคึกคัก
ด้วยเหตุนี้ จึงกลายเป็น ภาวะ ที่บีบให้การยุบสภาฯ อาจมาเร็วกว่าที่คาด !