หลังสิ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ โดย หาร 100 ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ  ได้กลายเป็น สัญญาณ ทางการเมืองที่ หลายพรรคการเมือง เฝ้ารอความชัดเจน เพื่อกลับมาวางแผนการเล่น 


 ทั้ง พรรคใหญ่ อย่าง เพื่อไทย ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นพรรคการเมืองเดียวที่จะได้ประโยชน์จากกติกาดังกล่าวมากที่สุด เมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้รูปแบบ บัตร2ใบ และ หาร 100  ที่อาจพลิกเกม พลิกขั้วจาก ฝ่ายค้าน มาเป็น ฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง  หากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายประเมินว่าจะได้ส.ส.ทั้งแบบเขตเลือกตั้งและส.ส.บัญชีรายชื่อ ทะลุเกิน 200 ที่นั่ง

 ขณะที่ พรรคขนาดกลาง และ พรรคเล็ก อาจจะต้องรับมือกับการต่อสู้ที่ยากลำบากมากขึ้น ทั้งการที่ใช้บัตร 2 ใบ เลือกคนและพรรค ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะได้ ส.ส.ลดลง ไปถึงขั้นที่ ยากไปต่อ  ส่งผลทำให้ได้เห็น การควบพรรค ตามมา


 สำหรับพรรคพลังประชารัฐ เองที่ดูเหมือนว่าวันนี้ กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีคนย้ายเข้า ย้ายออก ยังไม่รวมไปถึงปัญหา เลือดไหล  เมื่อวันที่ ส.ส.เศรษฐกิจไทย ภายใต้สังกัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตหัวหน้าพรรค จะขยับเข้าพรรค อาจได้เห็น กลุ่มการเมือง บางขั้ว ทยอยลาออกอีกระลอก 

 เมื่อหันไปมองที่ การเคลื่อนไหวของพรรคหน้าใหม่ ที่พากันเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครกันอย่างคึกคัก ทั้ง พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยสร้างไทย ที่เคยมีกระแสข่าวเตรียม จับมือ ปั้นสูตร ขั้วที่3 แต่จนบัดนี้กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนเกิดกระแสข่าวว่า ดีลล่ม เสียแล้ว 

 ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติที่กำลังรับบท นั่งร้าน ชุดใหม่ให้กับ บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาเป็น นายกฯ หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า กำลังกลายเป็น พรรคเนื้อหอม สูสีกับ พรรคภูมิใจไทย ที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข นั่งเป็นหัวหน้าพรรค  กลายเป็นพรรคการเมืองที่ดึงดูดให้นักการเมืองจากทั่วทุกทิศ พากันไหลเข้าสังกัด 

 แต่ถึงกระนั้น ยังไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า จากนี้ไปการเมืองจะไม่มีการ พลิก  ตามมา  เพราะอย่าลืมว่านอกเหนือไปจากการมี กติกา ที่เอื้อต่อบางพรรคก็ตาม ทว่า เงื่อนไข ที่จะทำให้ ชนะเลือกตั้ง จนไปถึงการได้เป็น รัฐบาล นั้นยังต้องอาศัยอีกหลายปัจจัย ทั้งใต้ดินและบนดิน เป็นสำคัญ !