แสงไทย เค้าภูไทย
การชุมนุมและเดินขบวนของชาวจีนขับไล่สี จิ้นผิง เริ่มขยายวงกว้าง เหตุไม่พอใจที่สีใช้มาตรการล็อกดาวน์ หวังสยบโควิด-19 ด้วยเป้าหมาย “โควิดเป็น 0” เหตุฝันร้ายอู่ฮั่นยังหลอกหลอน ทั่วโลกหวาดหวั่นเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯและจากการปิดประเทศของจีน
การระบาดของโควิด-19 เริ่มต้นที่จีนโดยมีการพบผู้ป่วยติดเชื้อในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ในภาคกลางของจีน ซึ่งมีประชากรหนาแน่นถึง 19 ล้านคน เมื่อ 30 ธันวาคม 2562 จากนั้นแพร่ระบาดไปทั่วจีนและทั่วโลก
แรกเริ่มระบาดนั้น ไวรัสชนิดนี้ถูกเรียกว่า “ไวรัสอู่ฮั่น”
ต่อมาทางการจีนพบว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์โคโรนา เช่นเดียวกับเมอร์สและซาร์ส ที่มีวงจรการระบาดเกิดขึ้นทุก 8-10 ปี
จึงเปลี่ยนมาเรียกชื่อชั่วคราวว่า“ Novel Corona virus 2019” หรือชื่อย่อ “2019-nCoV”
ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ SARS-CoV-2 (อ่านว่าซาร์สโควี ทู) ในทางวิชาการและเป็นชื่อทางการว่า COVID-19
รัฐบาลจีนห้ามใช้ชื่อไวรัสอู่ฮั่นเด็ดขาด เพราะมันเป็นการตราบาปให้นครอู่ฮั่น
เนื่องจากทุกครั้งที่เรียกชื่อนี้ ใครๆก็จะพากันคิดว่า อู่ฮั่นคือต้นตอของการระบาดล้างโลกของไวรัสมหันตภัยนี้
นับเป็นฝันร้ายที่ยังหลอกหลอนผู้นำจีน เมื่อเกิดการระบาดในแต่ระลอกคลื่นในกาลต่อมา จนเกิดความมานะจะเอาชนะให้ได้โดยการตั้งเป้าหมาย โควิดเป็น 0 หรือ Zero-COVID หรือ COVID-0
มีการกวดขัน ล็อกดาวน์เข้มงวดในหลายเมืองหลายมณฑล ทั้งปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เสฉวน เฉิงตู กว่างโจว ต้าเหลี่ยน ซูโจว หูเป่ย์ ไห่หนาน ฯลฯ กระทบกิจกรรมในชีวิตประจำวันประชากรกว่า 20 ล้านคน
มาตรการล็อกดาวน์ทำให้มีการกักตุนอาหารและสินค้าจำเป็นกันไปทั่ว เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่า จะมีการผ่อนคลายหรือยกเลิกมาตรการเข้มงวดเมื่อใด
การเดินทางของชาวจีน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศมีมาตรการเข้มงวดเช่นกัน ซึ่งจะกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรุนแรง
คนจีนมาเที่ยวไทยปีหนึ่งๆกว่า 15 ล้านคน ทำรายได้ให้ไทยถึงเกือบ 6 แสนล้านบาทรองจากรายได้จากการส่งออก ซึ่งทั้ง 2 รายได้นี้ เป็นตัวเพิ่มตัวเลขจีดีพีของไทยสูงที่สุด
ความหวังที่จะได้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยจึงลดลง
ในจีนเองก็เดือดร้อน มีการล็อกดาวน์ โรงงานที่มีคนงานติดเชื้อโควิดไปทั่ว
โดยเฉพาะไอโฟนของแอปเปิลในเจิ้งโจว ในภาคกลางของจีน อันเป็นโรงงานไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทำให้พนักงานออกมาประท้วงกันอย่างรุนแรง ต่อมาตรการกวดขันเข้มงวด จนเกิดการปะทะรุนแรงระหว่างคนงานกับตำรวจ
ผลกระทบจากการปิดโรงงานและการประท้วงรุนแรง ทำให้ยอดขายของไอโฟนรุ่น iPhone 14 หายไปถึง 5% เนื่องจากซัพพลายเชนขาดตอนจากการปิดโรงงาน
โดยเฉพาะเดือนหน้าธันวาคม อันเป็นเดือนที่การตลาดคึกคักที่สุดในรอบปีเพราะมีเทศกาลรื่นเริงหลายเทศกาล แอปเปิลคาดว่า ไอโฟน 14 จะขาดตลาด 25-30%
แรงกดดันจากการชัตดาวน์และล็อกดาวน์ ในหลายเมือง ทำให้เกิดการประท้วงแสดงความไม่พอใจต่อเป้าหมาย ซีโร่โควิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถึงขนาดเรียกร้องและขับไล่ให้ลาออก
จีนเป็นชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ
หากสี่ จิ้น ผิง ยังยืนยันจะใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อให้โควิดเป็นศูนย์ เชื่อแน่ว่าการประท้วงเขาจะลุกลามไปทั่วจีน
ขณะที่สหรัฐมีปัญหาเศรษฐกิจถดถอยที่วิเคราะห์กันว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า สงครามยูเครนยังไม่จบ จีนก็มีการประท้วงวุ่นวายไปทั้งประเทศ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร คงไม่ต้องเดา