ในความคลุมเครือ หา ความชัดเจน ได้ยากมากเท่าใด ย่อมถือเป็น กลยุทธ์ ที่หลอกล่อ ทำให้ ศัตรู หลงกล จับทิศทางไม่ถูก แต่อาจไม่ได้เกิดผลในทางที่เป็น บวก ไปเสียทั้งหมด เพราะอย่าลืมว่าในขณะเดียวกันกลับกลายเป็น จุดอ่อน ที่ทำลาย แนวร่วม ได้เช่นกัน 
 

สภาวะ ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ภายในพรรคพลังประชารัฐ ในเวลานี้น่าจะสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าเหตุใด ความวุ่นวาย ภายในพรรคจึงไม่ยุติลง เนื่องจาก จนถึงนาทีนี้ยังไม่มีใครอ่านเกมของ พี่น้อง 3ป. ได้ชัดแจ้งว่าแท้จริงแล้ว บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมถึง บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นั้นต่างคนต่างไป แยกวง กันจริงหรือไม่ ? 
 

บรรดากลุ่มก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐต่างพากันตัดสินใจ เลือกข้าง ได้ยากเย็น ระหว่าง การอยู่ต่อที่พรรคพลังประชารัฐกับ บิ๊กป้อม หรือย้ายไปยังพรรคใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ตามที่มีการ จุดพลุ ปล่อยช่าวถึงขั้นที่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว จน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่เป็นความจริง 


 วันนี้ภายในพรรคพลังประชารัฐ ไม่เพียงแต่จะเกิดภาวะ ระส่ำระสาย จากกระแสข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติเท่านั้น หากแต่ยังมีปัญหาใหญ่ เมื่อส.ส.กลุ่มที่ ไม่กินเส้น  กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ก็เตรียมพากัน ย้ายออก  เมื่อมีการส่งสัญญาณจากกลุ่มร.อ.ธรรมนัส ว่า พวกเขาจะกลับเข้ามาทำงานที่พรรคพลังประชารัฐ ในเร็วๆนี้  และการย้ายออกของส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จึงหมายความว่า มี ทางเลือก มากกว่า หนึ่ง !

 ทั้งการตามพล.อ.ประยุทธ์ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ และการย้ายออกไปอยู่กับ พรรคเพื่อไทย  ซึ่งเป็น พรรคฝั่งตรงข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ และแนวร่วม 
 ด้วยเหตุนี้จึงเท่ากับว่าภาวะความไม่ชัดเจนของ 3ป. บวกกับ ข่าวลือ ที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ล้วนแล้วแต่ส่งผล ร้าย มากกว่าดี ต่อพรรคพลังประชารัฐ
 

เพราะอย่างน้อยที่สุด คือการสะท้อนให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ภายในพรรคขาดเอกภาพ ดำรงอยู่กันอย่างเป็นเอกเทศ ไม่มีความยึดโยงต่อกัน โอกาสที่จะถูกลิดรอน ลดทอนความเป็นพรรค สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ !