แสงไทย เค้าภูไทย
ในการประชุมเอเปคที่ผ่านพ้น มีผู้นำหลายชาติกล่าวถึง เศรษฐกิจยั่งยืน โดยเรียกร้องความร่วมมือระหว่างชาติสมาชิกด้วยกันให้สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน เพื่อความเจริญเติบโตที่ยั่งยืน ทำให้มีคำถามว่า เศรษฐกิจยั่งยืนหน้าตาเป็นอย่างไร ? ทำกันอย่างไร ?
เศรษฐกิจยั่งยืนหรือ Sustainable Economy ไม่ใช่คำใหม่และก็ไม่ใช่คำเก่า เป็นคำกลางเก่ากลางใหม่พอๆกับคำว่า Digital Economy เศรษฐกิจดิจิทัล Environmental Economics เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน
แต่ก็ใหม่กว่า Self-Sufficient Economy หรือ Sufficiency Economy เศรษฐกิจพอเพียง
ตามนิยามของเศรษฐกิจยั่งยืนก็คือการสร้างเศรษฐกิจที่มีความมั่นคง ยั่งยืน
โดยความยั่งยืนทางเศรษฐกิจนั้น หมายถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว โดยไม่เกิดผลกระทบด้านอื่นๆ เช่นผลกระทบเชิงลบต่อสังคม วัฒนธรรมชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้รวมถึงการใช้ประโยชน์และจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (Environmental and Natural Capital) อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
เป็นการรวบยอดเศรษฐกิจรูปแบบอื่นๆเข้าด้วยกัน อย่างเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม ก็เป็นการผลิตหรือมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจหมุนเวียน ก็เป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในกระบวนการผลิตให้คุ้มค่าที่สุด โดยส่วนเหลือหรือส่วนเกินจากกระบวนการผลิต
ไม่ว่าจะเป็นของเหลือ เศษชิ้นส่วน จนถึงเป็นขยะเมื่อสิ้นสุดการบริโภค สามารถนำมาใช้ใหม่หรือสร้างมูลค่าเพิ่มได้
มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความสมดุลในการดึงทรัพยากรธรรมชาติมาใช้งานใหม่ ควบคู่ไปกับการสร้างระบบและการออกแบบที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบภายนอก (externalities) เชิงลบ
เศรษฐกิจพอเพียง ก็เป็นส่วนย่อยหนึ่งของเศรษฐกิจยั่งยืน
ความพอเพียงคือแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้มีความพอเพียงทุกระดับ
เมื่อเศรษฐกิจมีสถานภาพพอเพียงทุกระดับ ไม่ขัดสนแร้นแค้น ไม่ฟุ้งเฟ้อ มีความเป็นสมดุลไม่เหลื่อมล้ำ ก็ถือว่าเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทุกฉบับ ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยการพัฒนาแบบยั่งยืน หรือ Sustainable Development เน้นการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและชุมชนเป็นหลัก
แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแต่ละฉบับกินเวลา 5 ปี ฉบับปัจจุบันนี้คือฉบับที่ 13 ประกาศใช้เมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง ระยะเวลาครอบคลุม ปี 2566 ถึง 2570
สำหรับเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของไทยนั้น ไม่ได้เน้นในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ผ่านๆมา เพราะอยู่ในเนื้อหาครอบคลุมในส่วนหลักๆอยู่แล้ว
การจะให้ไทยเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืนคงทำได้ยาก เพราะแม้แต่เศรษฐกิจพอเพียง ก็ยังไม่ค่อยพอเพียง ยังมีความเหลื่อมล้ำ ระหว่างระดับรายได้กันอยู่มาก ไม่ได้พอเพียงไปทุกระดับ ความเหลื่อมล้ำนั้น ไทยอยู่ระดับต้นๆของโลก
ทำให้เศรษฐกิจไทยยั่งยืนกับเขาไม่ได้ ในเมื่อส่วนแบ่งส่วนเฉลี่ยความร่ำรวยการมีส่วนร่วมของมูลค่าแห่งชาติ( Nation’s Shared Values) ตกไปอยู่กับคนกลุ่มน้อยไม่กี่คน
ที่สามารถพิสูจน์ได้ก็คือ เศรษฐีมหาเศรษฐี เจ้าสัวไทย จำนวน 1% ของจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ แต่กลับถือครองความมั่งคั่งร่ำรวยเท่ากับประชากรที่เหลือทั้งประเทศรวมกัน