ข่าวดีๆ สำหรับประเทศไทย ในด้านเศรษฐกิจที่สามารถดึงดูดเม้ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ให้เกิดการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง

ซึ่งมีตัวเลขที่น่าดีใจ โดยนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ... คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว รายงานให้ทราบว่า ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ของปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 480 ราย

โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 181 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 299 ราย เม็ดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 106,437 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 4,635 คน

โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

ญี่ปุ่น 125 ราย (ร้อยละ 26) เงินลงทุน 37,738 ล้านบาท

สิงคโปร์ 75 ราย (ร้อยละ 16) เงินลงทุน 11,693 ล้านบาท

สหรัฐอเมริกา 64 ราย (ร้อยละ 13) เงินลงทุน 3,327 ล้านบาท

ฮ่องกง 35 ราย (ร้อยละ 7) เงินลงทุน 8,375 ล้านบาท

จีน 22 ราย (ร้อยละ 5) เงินลงทุน 20,841 ล้านบาท      

ขณะที่บริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ปรับอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) โดยที่ตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Long-term Sovereign Credit Rating) เพิ่มจากระดับ A- เป็น A และตราสารหนี้สกุลเงินบาทเพิ่มจากระดับ A เป็น A+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook)และยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะเติบโตประมาณร้อยละ 3 อีกทั้งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4 หรือมากกว่าในระยะต่อไปอีกด้วย

ทั้งนี้ จากตัวเลขนักลงทุนและความเชื่อมั่นตราสารหนี้ เราเชื่อจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศได้อีก ยิ่งผ่านการนำเสนอความพร้อมของประเทศไทยผ่านการประชุมเอเปคไปแล้ว ก็เชื่อว่าปีหน้าน่าจะมีแต่ข่าวดีด้านเศรษฐกิจให้ชื่นใจบ้าง