แสงไทย เค้าภูไทย
ขณะที่ค่อนโลกเริ่มปลดล็อกมาตรการป้องกันโควิด-19 เช่นเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย แต่ขณะนี้ หลายประเทศกลับมาบังคับกันใหม่ โดยเฉพาะแคนาดา สหรัฐฯและบางประเทศยุโรป เหตุนอกจากโควิด-19 แล้ว RSVและไข้หวัดใหญ่ยังมาผสมโรงช่วงเข้าฤดูหนาวปลายปี
การที่ต้องประกาศบังคับสวมแมสก์กันใหม่ก็เพราะ มีอัตราครองเตียงเพิ่มขึ้นและอัตราเสียชีวิตค่อยๆขยับกลับมาเพิ่ม
เฉพาะแคนาดานั้น มีแนวโน้มประกาศบังคับสวมแมสก์ทั่วประเทศ ส่วนสหรัฐฯประกาศบังคับเฉพาะบางรัฐ
ช่วงปลายปีมักจะมีเทศกาลรื่นเริงถี่ อย่างเช่นเทศกาลขอบคุณพระเจ้า คริสต์มาส จนถึงเทศกาลปีใหม่ทำให้เชื่อว่าอัตราเพิ่มจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อกับจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น
ส่วนของเรารับมาทั้งสามเทศกาล แถมด้วยลอยกระทง และงานพิธีกรรมทางศาสนาเช่นกฐิน ฉลองพระเจดีย์สำคัญ งานประเพณี ฯลฯ
ล้วนแต่เป็นงานดีงดูดผู้คนมาร่วมชุมนุมหนาแน่นใกล้ชิดกันชนิดเบียดเสียด
นอกจากนี้ ยังมีวันหยุดยาวและวันหยุดประจำชาติที่ทำให้ประชาชนแห่แหนกันไปท่องเที่ยวกันหนาแน่น
สหรัฐฯนั้นนิวยอร์กซิตี เป็นแห่งแรกที่บังคับสรวมหน้ากากอนามัยกันอีกครั้ง เพราะสถิติการครองเตียงหรือเข้าโรงพยาบาลจากการติดเชื้อไวรัส 3 ชนิดคือโควิด ไข้หวัดใหญ่และติดเชื้อไวรัส RVS (respiratory syncytial virus )เพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก
ไวรัสกลายพันธุ์หรืออนุพันธ์ของโควิด-19 นั้นยังคงมีผู้ป่วยนำหน้า เพราะมีการกลายพันธุ์มาถึงอนุพันธุ์ BQ1 และ BQ 1.1 แล้ว
รวมๆแล้ว ในสายพันธุ์กลายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์แล้วกว่า 500 อนุพันธุ์
ส่วนไข้หวัดใหญ่นั้น การฉีดวัคซีนประจำปี ทำให้สามารถลดจำนวนผู้ป่วยลงได้
สำหรับ RSV อันเป็นไวรัสที่มักโจมตีระบบทางเดินหายใจของทารกและเด็ก แต่ก็มีการติดเชื้อในคนชราได้
อย่างบ้านเรานั้น มีคนชราติดเชื้อจากลูกหลานที่ป่วยอยู่ในบ้านและเสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย
ในแคนาดา ขณะนี้ จังหวัดออนตาริโอกับบริติชโคลัมเบียยังคงข้อบังคับสรวมหน้ากากอนามัยอยู่ ขณะที่หลายจังหวัดที่ยกเลิกข้อบังคับไปแล้ว กลับมาบังคับใหม่ และมีหลายจังหวัดกำลังทบทวนจะนำข้อบังคับกลับมาใช้ใหม่
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่าตัวเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
แสดงถึงว่า ชาวแคนาดาทุกๆ 1 ใน 24 ถึงทุกๆ1ใน 34 คนติดเชื้อไวรัส
ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 5 คน
เฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วประเทศมีผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 ใหม่ ถึง 21,000 คนจนทำให้ขาดแคลนเตียงรับผู้ป่วยถึง 12%
สำหรับไทย รายงานประจำสัปดาห์ 30ตุลาคม-5 พฤศจิกายน พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายกลายพันธุ์ 2,7 59 ราย เสียชีวิต 40 ราย
เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,551 ราย เสียชีวิต 33 ราย
จะเห็นได้ว่าทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ด้าน
เชื่อว่า สัปดาห์นี้ ( 6-12 พ.ย.) จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่กับผู้เสียชีวิตขยับเพิ่มหรืออย่างน้อยทรงตัวแน่นอน
เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าโควิด-19 ยังไม่ไปไหน และแม้อาการของมันจะไม่รุนแรงเท่ากับสายพันธุ์ที่ระบาดช่วงต้นๆทว่ามันก็ยังทำให้คนตายได้สัปดาห์ละตัวเลข 2 หลัก
แม้ทางการจะยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัย
แต่ก็เป็นสิทธิของทุกคนที่จะยังคงสวมกันต่อไป
โดยตั้งข้อสันนิษฐานหรือระแวงไว้ก่อนว่า คนที่เราพบเจอที่ไม่สวมแมสก์นั้น
ทุกคนมีโอกาสติดเชื้อและนำมาแพร่สู่เราผ่านลมหายใจของพวกเขาได้ทุกคน