แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนจะสงบลงไป พร้อมๆกับช่วงปิดเทอมของเด็กนักเรียน

แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานศึกษาหลายแห่งเริ่มกลับมาเปิดภาคเรียนอีกครั้ง ประกอบกับเป็นช่วงฤดูหนาวที่เป็นช่วงที่เราอาจจะพบการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น พร้อมกับช่วงเวลาที่จะมีเทศกาลงานเฉลิมฉลองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลอยกระทงวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน

และยังมีวันหยุดพิเศษช่วงการประชุมเอเปค ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน-18 พฤศจิกายน 2565 เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรีและสมุทรปราการ ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5 วัน คือวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน ซึ่งจะทำให้มีการเดินทางของประชาชนออกไปท่องเที่ยวพักผ่อน

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยอาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจ รวมถึงผู้เสียชีวิต ค่อยๆ ลดลง ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนและบางส่วนติดเชื้อตามธรรมชาติ โดยข้อมูลวันที่ 28 ตุลาคม 2565 มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 143.6 ล้านโดส มีผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็ม 53.9 ล้านราย คิดเป็น 77.5 % และฉีดเข็มที่ 3 ขึ้นไป 32.3 ล้านราย คิดเป็น 46.5% อย่างไรก็ตาม ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายเกิน 3-4 เดือนแล้ว จำเป็นต้องมาฉีดเข็มกระตุ้น เพราะเมื่อฉีดวัคซีนไประยะหนึ่งภูมิคุ้มกันจะลดลงตามธรรมชาติ การฉีดเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ลดการป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ รวมถึงยังจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ด้วย โดยสามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

สำหรับกลุ่มเด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ที่เพิ่งเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ต้องเร่งรัดการฉีด เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อสูงจากคนในครอบครัวที่ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยช่วงที่มีการระบาดของโอมิครอนที่ผ่านมา เด็กเล็กมีการอัตราการป่วยตายสูงกว่าเด็กโตถึง 3 เท่า และในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า คาดการณ์ว่าอาจจะมีการระบาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มักเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ประกอบกับขณะนี้ประเทศไทยได้เปิดรับนักท่องเที่ยวตามปกติแล้ว ดังนั้นจึงขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองเร่งนำบุตรหลานมารับวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและอาการหนักจนเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่คำเตือนจากกระทรวงสาธารณสุข ให้ตระหนักห่วงใยผลกระทบต่อเด็กเล็ก นอกจากการพาไปฉีดวัคซีนแล้ว

เราเห็นว่าครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ยังต้องคงต้องตระหนักถึงมาตรการทางด้านสาธารณสุข หากจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่แออัด ที่มีคนหนาแน่น การระบายอากาศไม่ดี เรายังคงต้องตั้งการ์ดสูง ในการป้องกันตัว ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ