สถาพร ศรีสัจจัง

มา! มาดูกันให้ชัดๆว่า “บาป” ที่บรรพชนของชาวอังกฤษในอดีต (อันใกล้) ได้สร้างไว้กับเพื่อนมนุษยชาติต่างๆนั้นมีให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง แต่โดยข้อจำกัดเรื่อง “พื้นที่และเวลา” คงน่าจะทำได้เพียง “หยาบๆ” พอให้เห็น “ร่องรอย” ได้บ้างเท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งที่เปิดเผยแล้ว และยังไม่ได้เปิดเผย มีมากมหาศาลยิ่งกว่าพะเรอเกวียน!

เริ่มกันที่ทวีปแอฟริกากันก่อน…

รายชื่อของ “ดินแดน” หรือ “ประเทศ” ในแผ่นดินทวีปแอฟริกาที่ “อังกฤษ” หรือ “สหราชอาณาจักร” เคยใช้ “ความได้เปรียบเชิงกล” ทั้งด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี อาวุธ นวัตกรรม และ “โอกาสที่เหนือกว่า” ในทุกด้านทำการ “ล่า” เอามาเป็น “เมืองขึ้น” หรือ “อาณานิคม” มาตั้งแต่ห้วงคริสตศตวรรตที่ 16-17-18 โน่นแล้วนั้น มีมากจนยากจะจาระไนรายละเอียดได้หมด ลองฟังชื่อประเทศในทวีปแอฟริกาที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษสักจำนวนหนึ่งดีไหม?

ก็เช่น : เคนยา/โรดีเซีย/ไนจีเรีย/กรีเนดา/กานา/กายอานา/แกมเบีย/แคเมอ/ซิมบับเว/ซูดาน/ซูรินาม/เซียร์ราลีโอน/แซมเบีย/โซมาเลีย/ตรินิแดดและโตเบโก/นามิเบีย/บอสวานา/อูกันดา/วานูวาตู/มาลาวี/ และแอฟริกาใต้ ฯลฯ

เห็นชื่อประเทศที่ยกมาแล้วรู้สึกอะไรกันบ้าง?

นอกจากจะมุ่งตวงตักเอาทรัพยากรด้านต่างๆของดินแดนเหล่านั้นมาเข้าพกเข้าห่อ และสร้างเสริมแสนยานุภาพด้านต่างๆของตนจนรุ่งเรืองยิ่งขึ้นแล้ว

สิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดก็คือ สิ่งที่อังกฤษ และนักล่าอาณานิคมรุ่นเดียวกันอย่างฝรั่งเศส หรือรุ่นก่อน อย่างเนเธอร์แลนด์(หรือดัตช์) และโปรตุเกส กระทำต่อเพื่อนร่วมโลกชาวแอฟริกาก็คือ การมองพวกเขาว่าไม่ใช่ “คน” จึงจับกุมขังบังคับเอามาเป็น “ทาสแรงงาน” อย่างโหดเหี้ยมต่ำช้าที่สุด (ขณะที่เรียกพวกตัวเองเป็น “อารยชน”!)

ถ้าใครเคยไปประเทศเซเนกัลในปัจจุบัน จะพบว่า ประเทศนี้ได้จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการที่บรรดาประเทศจักรวรรดินิยมอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส ดัตช์ และโปรตุเกส ล่าจับเอาชาวพื้นเมืองผิวดำมาเป็นทาสอย่างไรบ้าง ในเซเนกัล มี “Slav House” หรือ “บ้านทาส” หลังแรกที่นักล่าทาสชาวดัตช์สร้างขึ้นในเกาะกอเร่ เมื่อปี คศ.1766 เพื่อใช้กักขังทาสที่ล่ามาได้ยังมาปรากฏให้เห็นอยู่ทนโท่!

หลักฐานระบุว่า ในห้วงเวลาดังกล่าว เจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ มีการจับเอาคนพื้นเมืองแอฟริกามาเป็นทาสแรงงาน เพื่อส่งไป “ขาย” ยังดินแดนที่ตนและเจ้าอาณานิคมอื่นๆไปยึดครองเพื่อตั้งถิ่นฐานอยู่แทบจะทั่วโลก

ที่สำคัญเช่น ส่งไปยุโรปกว่า 3 แสนคน ส่งไปทวีปอเมริกาเหนือกว่า 5 แสน ส่งไปใช้งานแถบแคริบเบียน  4-5 ล้าน และ ส่งไปทวีปอเมริกาใต้กว่า 5 ล้านคน เป็นต้น !

ลองใช้จินตนาการดูเอาก็แล้วกันว่า การได้มาซึ่งทาสเหล่านั้น นักล่าทาสต้องใช้วิธีการใดบ้างบรรดาคนพื้นเมืองแอฟริกาที่ถูก “ล่า” ซึ่งต้องตายไปในขบวนการค้าทาสตั้งแต่ต้นจนจบ จะมีมากมายสักขนาดไหน 

เรื่องความทุกข์ทรมาณของทาส(ที่รอดตาย)เหล่านั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งด้านร่างกายและจิตใจของพวกเขาคงถูกกระทำย่ำยีเหมือนกับพวกเขาไม่ใช่ “คน” จากบรรดา “นายทาส” ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมผิวขาวชาวตะวันตกผู้มี “อารยะ” จนยากที่จะบรรยายอย่างแน่นอน!

อย่างนี้ถ้าไม่ให้เรียกว่า “บาปบรรพชน” แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?

เจ้าชายวิลเลียม (มกุฎราชกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าชาร์ลที่ 3  แห่งสหราชอาณาจักรองค์

ปัจจุบัน) เมื่อครั้งเสด็จแอฟริกา และทรงทราบเรื่องราวข้อมูลเกี่ยวกับการค้าทาสของบรรพชนตนเองแล้ว ถึงกับทรงตรัสออกมาตอนหนึ่งว่า “การค้าทาสจะเป็นตราบาปของพวกเราตลอดไปในประวัติศาสตร์”

ขนาดเพียงยกเรื่องราว “ความโหด” ของจักรวรรดิอังกฤษยุคอดีต(อันใกล้) ที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ในดินแดนอาณานิคมแอฟริกามาเพียงเท่านี้ หรือใครจะยังไม่เห็นบ้างว่า “บาป” ที่พวกเขาเคยก่อขึ้นไว้ในอดีตนั้นน่าสยดสยองเพียงใด?

นั่นเป็นเพียงภาพฉายหนังตัวอย่างเลีกๆน้อยๆเท่านั้นเอง หนังเรื่องที่กำลังจะฉายต่อให้เห็นก็คือ สิ่งที่จักรวรรดินิยมอังกฤษกระทำต่อประเทศจีน ประชาชาติจีน และ ที่หนักหนาสากรรจ์ยิ่งนักก็คือ สิ่งที่อังกฤษกระทำต่อประเทศอินเดียและประชาชาติอินเดีย จนทำให้ประเทศนั้นต้องเกิดนักคิดนักต่อสู้กู้ชาติผู้ยิ่งใหญ่ อย่างมหาตมะ คานธี และอีกหลายท่านขึ้น

มาล้อมวงกันเข้ามา เรื่องการฆ่าคนและการเผาล้างพระราชวังฤดูร้อน “หยวนหมิงหยวน” และ พระราชวัง “ชิงอี่”อันแสนจะงดงามยิ่งใหญ่ของจีน และการ “ลั่นกระสุนจนหมดแม็ก” เพื่อยิงผู้ประท้วงแบบอหิงสา ที่เมืองอมฤตสาในแคว้นปัญจาบของอินเดีย(มาตุภูมิและปิตุภูมิของนายริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบัน)กำลังจะได้รับการสาธยาย…ฯ!!