เริ่มเทศกาลกินเจประจำปี 2565 แล้ว ซึ่งหลายท่านได้เริ่มล้างท้องกันมาตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน ส่วนราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจ เช่นผักสดนั้นปรับราคาขึ้นมารอรับเทศกาลตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งราคาสินค้าต่างๆ และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย ถือได้ว่าเป็นดัชนีวัดเศรษฐกิจได้ตัวหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หากไปดูข้อมูล ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนจำนวน 1,250 ตัวอย่าง ว่า คาดว่าเทศกาลกินเจในปี 2565 จะมีเงินสะพัด หรือมูลค่าการใช้จ่ายราว 42,235 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 5.2% ที่มีเงินสะพัดราว 40,147 ล้านบาท (ติดลบ 14.5%) โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 4,185.88 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว และเดินทางไปต่างจังหวัด)

ทั้งนี้ จากการสอบถามประชาชนว่า ในปี 2565 จะกินเจในช่วงเทศกาลกินเจหรือไม่ พบว่า ประชาชน 66% ระบุว่า จะไม่กินเจ สาเหตุหลัก คือ อาหารเจแพง เศรษฐกิจไม่ดี และรสชาติไม่อร่อย ขณะที่ประชาชนอีก 34% ระบุว่า กินเจ เพราะตั้งใจทำบุญ ชอบอาหารเจ และกินตามคนที่บ้านหรือคนรอบข้าง

ส่วนพฤติกรรมการกินเจในครั้งนี้ ประชาชน 81.2% ระบุว่า จะกินตลอดช่วงเทศกาล ขณะที่ประชาชนอีก 18.8% ระบุว่า จะกินเจเฉพาะบางมื้อ โดยช่องทางในการเลือกซื้ออาหารเจ ส่วนใหญ่ตอบว่าเป็นการซื้อด้วยตนเอง 91.8%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุว่า มูลค่าการใช้จ่ายปีนี้เพิ่มขึ้น มาจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ไม่กลับมาอยู่ในระดับปกติ หรือเท่ากับมูลค่าในปี 58 ที่ 42,209 ล้านบาท หรือเรียกว่ายังไม่คึกคักในรอบ 7 ปี สรุปคือ กินเจปีนี้ค่อนข้างคึกคัก คนพร้อมจับจ่ายใช้สอยในสัดส่วนที่มากขึ้น อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจฟื้นตัวแบบอ่อนๆ จะเห็นได้จากพฤติกรรมการกินเจปีนี้ คนเริ่มกลับมากินเจตลอดเทศกาลมากขึ้น หรือ 81.2% จากปีก่อนที่ 62.9% ซึ่งถือว่าปีนี้สูงสุดในรอบ 4 ปี

อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าแม้การกินเจจะสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกัน คนไทยสามารถกิจเจได้ในแบบประหยัด และดีต่อสุขภาพ หากเลือกรับประทานให้เหมาะสม