เรียน กองบรรณาธิการ นสพ.สยามรัฐ ไปไหนมาไหนกันตอนนี้ คนกรุงเทพฯต้องเผื่อเวลากัน ไม่งั้นมีหวังติดแหง็กบนท้องถนนแน่ๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้จะเป็นที่รู้กันแล้วว่า ฟ้าฝนจะตกตอนไหนน้ำจะท่วมบริเวณใดกัน คนที่ไปธุระจุดไหน ก็คงต่างไหวตัวกันทัน เว้นแต่คนที่ต้องทำงานในพื้นที่จุดเสี่ยงที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ต้องใช้เส้นทางนั้นเดินทางไปกลับมาบ้านกับสำนักงาน ก็อาจจะได้รับผลกระทบ ก็ดีไปอย่าง ภัยธรรมชาติบางครั้งก็สอนให้มนุษย์เราได้มีการจัดระเบียบชีวิตตัวเอง รู้ว่าดินฟ้าฝนหรือพายุจะมา ไม่ว่าจะอาชีพไหน ทำอะไรก็ตาม ทุกคนก็ต้องปรับวิถีชีวิตของตัวเองกันหมด นี่คือจุดดีของมันเพราะถ้าใครยังขืนลอยชาย ปล่อยให้ใกล้ตัวแล้วค่อยเคลื่อนย้ายตัวเองหรือข้าวของ หายนะหรือความเสียหายมากมายคณานับย่อมจะตามมาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะได้ไม่คุ้มกับเสีย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งสึนามิก็ดี น้ำท่วมพัทยาก็ตาม หรือภัยแผ่นดินก็ตาม หรือแม้แต่ภัยแล้งก็ตามเถอะ ได้สอนคนไทยเราได้รู้จักการวางแผนและมีการเตรียมตัวกันอย่างดีสำหรับการรับมือกับภัยพิบัติกัน มีการเคลื่อนย้ายรถยนต์หรือข้าวของทรัพย์สินของตัวเองไปเก็บไว้ในที่สูง หรือที่ปลอดภัยกันมากขึ้น เมื่อมีสัญญาณเตือนภัยหรือมีข่าวสารแจ้งเตือนจากทางราชการ จากเหตุการณ์วิกฤติก็เป็นโอกาสไปโดยปริยาย ที่จะสอนให้คนไทยเราได้ปรับตัวกัน และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ที่น่าชื่นชมอีกเรื่องหนึ่งก็คือ สังคมไทยเริ่มจะมีการจัดระเบียบกันเองกันมากขึ้น โดยไม่ต้องมีใครมาบอกกล่าว เวลานี้ไปไหนต่อไหนทั้งช่วงเช้าหรือเย็น ภาพที่เห็นตามตลาดร้านค้าหลายๆพื้นที่เริ่มจะเห็นผู้คนยืนต่อแถวกันซื้อหาอาหารรับประทานกัน หรือไม่ก็ต่อแถวกันขึ้นรถเมล์ รถตู้หรือต่อวินมอเตอร์ไซค์กัน เห็นแล้วก็รู้สึกชื่นใจ ที่เรามีโอกาสได้เห็นบ้านเมืองเราเหมือนอย่างกับหลายๆประเทศ เวลาดำเนินกิจกรรมอะไรในชีวิตกัน ก็จะมีการต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบ จากจุดนี้แหละ ถ้ามีการปลุกจิตสำนึก และสร้างสรรค์ให้เด็กๆและเยาวชนของเราได้มีการรู้จักระเบียบวินัย มีการวางแผนอย่างเป็นระบบและระเบียบกันมากขึ้น ก็เชื่อว่า ผลลัพธ์ท้ายสุดแล้วก็จะทำให้เด็กๆเหล่านี้เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ก็จะมีวินัยหรือระเบียบกัน ซึ่งเราคงจะได้เห็นภาพของท้องถนนที่สะอาด แม่น้ำลำคลองที่ใสสะอาดขึ้นหรือแม้แต่ขยะมูลฝอยก็ตามที ก็อาจจะไม่ได้เห็นวางกองเกลื่อนกลาดอย่างไม่เป็นที่เป็นทางตามจุดต่างๆในกทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของกฎหมาย ซึ่งทุกวันนี้คนไทยเรามักจะละเมิดกฎหมาย ไม่เคารพกัน ต่างคนต่างเห็นแก่ได้กัน โดยเล็กๆ น้อยๆมักได้สนใจว่า เป็นการทุจริตคอร์รัปชันกันหรือไม่ อะไรที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็จะเอา ไม่สนว่าจะทำความเดือดร้อนหรือสร้างความทุกข์ให้แก่คนอื่นๆ นี่เป็นจุดหนึ่งแม้จะเป็นจุดเล็กๆ ที่ไม่ควรจะมองข้ามกัน อย่างผลสำรวจของเอแบคโพลล์เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วที่ออกไปสำรวจความเห็นของพี่น้องประชาชนมา ถึงทัศนคติอันตรายของคนไทย ที่ระบุว่า คนส่วนใหญ่ยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าตนเองได้ประโยชน์ด้วย ทัศนคติอันตรายแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นค่านิยมที่เกิดขึ้น หรือได้รับรู้หรือได้ยินจากปากของคนไทยด้วยกันเลย จนบัดนั้นถึงบัดนี้จากผลสำรวจ สังคมไทยก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนทัศนคติอะไร หรือเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอะไรกันเลย โดยเฉพาะการวางรากฐานในการ แก้ไขทัศนคติเช่นนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวกับคนในชาติเรา ซึ่งตรงจุดนี้อยากให้การศึกษาเข้ามามีบทบาทกับการปลูกฝังและแยกแยะให้คนไทยเราได้มีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะการอบรมปลูกฝังให้เด็กประถม มัธยม ยันไปถึงมหาวิทยาลัยควรจะมีทัศนคติและมีจิตสำนึกของการไม่เอาด้วย ไม่เห็นด้วยกับการคดโกงการทุจริต และหันมายึดในเรื่องของธรรมาภิบาล และเคารพกฎหมายโดยควรจะชี้ถึงคุณและโทษของการละเมิดกฎหมาย รวมไปถึงการทุจริต คอร์รัปชัน เมื่อเด็กเยาวชนและนิสิตนักศึกษาจบการศึกษาและไปประกอบอาชีพใดๆ ก็ตาม ก็จะมีจิตสำนึกและมีทัศนคติดีๆกับการประกอบสัมมาชีพอย่างสุจริตชน ไม่คดโกงบริษัทตัวเอง หรือประเทศชาติกัน ถ้าความคิดเช่นนี้มีมากๆเข้า ก็เชื่อว่า ประเทศไทยเราคงจะได้รับการจัด อันดับให้เป็นประเทศที่มีการทุจริตน้อย และเป็นประเทศที่มีความน่าเชื่อถือในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอยากให้บ้านเราเริ่มต้นกันทำอย่างจริงจัง ใช้การศึกษาปลูกฝัง ปรับทัศนคติคนในชาติของเราเสียแต่วันนี้กันเถอะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง คนรักแผ่นดินไทย
เรียน คุณผู้ใช้นามแฝง "คนรักแผ่นดินไทย" ขออนุญาตตอบจดหมายของคุณแทนนะครับ เวลานี้หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนก็เริ่มตื่นตัวกับเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชันกันเป็นอย่างมาก หลังจากรัฐบาลชุดนี้ได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้อย่างเข้มข้น มีทั้งเดินหน้าลงโทษข้าราชการและนักการเมืองที่กระทำผิดหรืออยู่เบื้องหลังไปแล้วก็มากมาย ซึ่งก็เชื่อว่า น่าจะปลุกกระแสให้การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยเราได้ดีขึ้น ซึ่งพวกเราคนไทยก็คงจะต้องรอติดตามกันดูครับว่า จะมีการปฏิรูปกฎหมายและจัดระเบียบต่างๆอะไรใหม่ๆออกมาอีกบ้าง เพื่อจะนำมาบริหารจัดการป้องปรามและเอาผิดกับคนทุจริตคอร์รัปชันกันครับ สุดท้ายนี้เอาเป็นว่า ขอนำจดหมายของคุณมาลงให้ก็แล้วกันนะครับเผื่อผ่านต่อไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้ได้อ่านและรับฟังเสียงสะท้อนตามความต้องการของคุณกันครับ ด้วยรักและนับถือ เจริญชัย อุดมพาณิชวงศ์