และแล้ว บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะรักษาการนายกฯ ได้ส่งสัญญาณ แรงชัด แล้วว่าจะไม่เข้าไปแตะเรื่อง ปรับครม. แต่เลือกที่จะเว้นว่างเอาไว้ให้ บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรม.กลาโหม มาจัดการเอง หากที่สุดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ ให้ไปต่อ !
ในความเป็นจริงแล้ว กระแสว่าด้วยการปรับครม. ถูกพูดถึงและเขย่ากันเองมาโดยตลอด แต่ทว่าเป็นการ กดดัน กันเอง ภายในพรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง พรรคภูมิใจไทย ที่สืบเนื่องจาก ครูโอ๊ะ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ มีอันต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลฎีกา ภายหลังมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยจากคดีรุกที่ป่าเขาใหญ่ มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.65เป็นต้นมา
และล่าสุด 5 ก.ย. 65 นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่ง มท.2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงสปิริต เพื่อขอไปต่อสู้คดี ในศาล เมื่อสมัยที่ยังเป็น อบจ.สงขลา
โดยนิพนธ์ ให้เหตุผลว่า เมื่อคดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมแล้ว จึงไม่มีความประสงค์จะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี และเวลาราชการเพื่อต่อสู้คดีแต่อย่างใด
หมายความว่าทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เองมีตำแหน่ง รัฐมนตรีในโควตาที่ว่างเว้นอยู่ พรรคละ 1เก้าอี้ และหากบวกเก้าอี้รัฐมนตรีเดิมที่ว่างอยู่ 2 เก้าอี้ คือ รมช.เกษตรฯ ที่เคยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยนั่ง กับ รมช.แรงงาน ที่เคยมี นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เคยทำหน้าที่ เท่ากับว่าปัจจุบันมีเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างอยู่รวม 4 ที่นั่ง !
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงกับการปรับครม. นั้นมีมาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนของ2พรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ขณะที่อีก 2เก้าอี้ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นถูก เบรก ให้อยู่ในความสงบนิ่งมาโดยตลอด
แต่เมื่อในห้วงเวลานี้ การปรับครม. ซึ่งเป็นจังหวะที่ถูกจับตามองว่าอาจมีขึ้นในห้วงที่รัฐบาลเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองยังอยู่ในห้วงของการหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนถูกนำไปผูกโยงกับกระแสความสัมพันธ์ ของ พี่น้อง 3ป. ว่าเกิดรอยร้าวกันหรือไม่
ดังนั้นเมื่อล่าสุด การที่พล.อ.ประวิตร เลือกที่จะ เว้นที่ว่าง เอาไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตัดสินใจ และดำเนินการปรับครม.เองจึงเท่ากับเป็นการ สยบ ทุกแรงกระเพื่อม ทั้งต่อ2พรรคร่วมรัฐบาล และหักล้าง ข่าวลือ ปัญหาของ 2ป. ไปโดยปริยาย !