ทีมข่าวคิดลึก
ปฏิเสธไม่ได้ว่า คะแนนนิยมโดยปัจเจกของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)คือความแข็งแกร่งที่เป็นเหมือน "ตัวช่วย" และ "อาวุธ" ให้กับรัฐบาลและคสช. มาแล้วหลายครั้งหลายครา โดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์เริ่มจวนเจียนซวนเซ และวุ่นวาย !
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วม เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดชัยนาทและพระนครศรีอยุธยาซึ่งแน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นคือการเป็นนายกฯ ทหารที่สามารถ "เข้าถึง" พี่น้องประชาชน ได้ไม่แพ้นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง
แม้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว พล.อ.ประยุทธ์ ในเวลานี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเรื่องราวของ "คนใกล้ตัว" ทั้งสิ้นเรื่องราวของ"บิ๊กติ๊ก" พล.อ.ปรีชาจันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมที่มีการเปิดประเด็นเรื่องของ "ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา" ภรรยา และบุตรชาย กรณีการได้งานในโครงการก่อสร้างของ กองทัพภาคที่ 3 เพิ่งซาลงไป แต่งานนี้ก็ทำให้มีการตั้งคำถามกับพล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ในสถานะทั้ง "พี่ชาย" และ "ผู้นำรัฐบาล" ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ทำเอา พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมาท้าทายยินดีให้มีการตรวจสอบ โดยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว !
ล่าสุดมีประเด็นของ "พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" อย่าง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกตั้งคำถามเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหม อาเซียน-สหรัฐอเมริกา ที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐฯที่ผ่านมา ด้วยสนนราคาถึง 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ยิ่งประเด็นเรื่องราวร้อนๆของทั้งพี่ชายและน้องชายร่วมสายเลือดส่งผลกระทบต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ไม่น้อย เพราะกระแสสังคมทั้งจากฝ่ายต้านที่พากันฉวยจังหวะโจมตีอย่างต่อเนื่องผ่านโลกโซเชียลที่สามารถแพร่ขยาย กระจายอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่าฝ่ายที่สนับสนุน คสช.เอง ก็อดที่จะตั้งคำถามไม่ได้เช่นกัน
ในห้วงภาวะเช่นนี้ดูเหมือนว่าจะมีแต่เพียงคะแนนนิยมจากตัวของพล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นที่กำลังพยุง และประคองไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ อีกทั้งหากในระหว่างนี้รัฐบาลยังสามารถเร่งแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจให้เกิดเป็นผลอย่างชัดเจน ทั้งปัญหาปากท้องไปจนถึงปัญหาใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้าคือการบริหารจัดการน้ำ ไม่ให้เกิดเป็นวิกฤติกระแทกรัฐบาลซ้ำเข้า มาอีกระลอก มีความเป็นไปได้ว่า ภาวะ ที่อึมครึม วุ่นวาย และส่อเค้าว่าจะยุ่งยากก็อาจคลายตัวลงไปได้
ทว่า ต้องไม่ลืมว่าการตรวจสอบกรณีที่เกิดเป็นประเด็นคำถามอันเกิดจากคนใกล้ตัว พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ต้องผ่านกระบวนการหาความจริงเช่นเดียวกัน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าด้วย "สองมาตรฐาน"เพราะเวลานี้กระบวนการ และบรรยากาศการตรวจสอบคดีความที่โยงใยไปยัง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ตลอดจน แกนนำของพรรคเพื่อไทย ทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ มีความเข้มแข็งและรุดหน้าอย่างยิ่ง จนกลายเป็นการรุกไล่ ขั้วอำนาจเก่าอย่างหนักหน่วงแทบไร้ที่ยืน !