แสงไทย เค้าภูไทย

ปีนี้มรสุมมาชุกกว่าทุกปี แต่ละลูกพาฝนมาตกหนักกว่าปกติ น้ำท่วมขังทั้งในกรุงเทพฯและหลายจังหวัดที่อยู่ในร่องมรสุม  มีการพยากรณ์ไว้ว่าปลายปีนี้ น้ำจะท่วมหนักสุดในรอบ 30 ปี

การที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ นั้นสาเหตุหนึ่งมาจากการทรุดตัวของแผ่นดิน ที่นอกจากน้ำฝนแล้ว ช่วงน้ำทะเลหนุน ยังผลักน้ำย้อนขึ้นมา จนระดับน้ำสูงขึ้น ท่วมขัง

นอกจากกรุงเทพฯที่อยู่ระดับต้นๆของเมืองทรุดตัว น้ำท่วมขังแล้ว มหานครที่จะถูกน้ำท่วม ยังมีอย่างน้อย 33 เมืองทั่วโลก

การจัดอันดับเมืองจมน้ำ ใช้การวัดอัตราทรุดตัวของแผ่นดินต่อปีเป็นเกณฑ์ โดยเมืองที่น้ำจะท่วมสูงที่สุดคือเมืองที่แผ่นดินทรุดตัวสูงที่สุด

เทียนสิน ของจีน เป็นมหานครที่น้ำจะท่วมสูงที่สุด สาเหตุจากแผ่นดินทรุดตัวสูงสุด คือปีละ 5.22  เซนติเมตร

รองลงมา คือ เซมารังของอินโดนีเซีย ทรุดตัวปีละ 3.96 ซ.ม. จาการ์ตา อินโดนีเซีย 3.44 ซ.ม. เซี่ยงไฮ้ จีน 2.94 ซ.ม.โฮจิมินห์ซิตี เวียดนาม  2.81 ซ.ม. ฮานอย เวียดนาม 2.44 ซ.ม. จิตตะกอง บังกลาเทศ 2.35 ซ.ม. โกเบ ญี่ปุ่น  2.26 ซ.ม.เคราลา อินเดีย 1.96 ซ.ม. ฮิวสตัน สหรัฐ 1.95 ซ.ม.

การทรุดตัวของแผ่นดินมหานครเหล่านั้น มาจาก 2 สาเหตุ คือสถานที่ตั้งเมืองอยู่บนแผ่นดินที่ดินชั้นล่างเป็นดินโคลน กับการสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้

ส่วนน้ำท่วมนั้น สาเหตุหลักมาจากน้ำฝนและน้ำทะเลหนุน

โดยเฉพาะประเทศเขตมรสุมอย่างเช่นไทยนั้น จะเผชิญปัญหาน้ำท่วมรุนแรงอันเกิดจากมรสุม ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีถึง 16 ลูกหอบฝนมาตกกินพื้นที่ค่อนประเทศ

สำหรับมหานครและเมืองที่จะจมใต้น้ำถาวรใน 10 ถึง 28 ปีข้างหน้า มี 12 เมืองคือ 1. อเล็กซานเดรีย อียิปต์ 2. อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ 3.กรุงเทพฯ 4.ชาร์ลสตัน เซาท์แคโรไลนา 5.ธากา บังกลาเทศ 6.โฮจิมินห์ ซิตี เวียดนาม 7.ฮิวสตัน เทกซัส  8.จาการ์ตา อินโดนีเซีย 9.ลากอส ไนจีเรีย 10.ไมอามี ฟลอริดา 11.นิวออร์ลีน ลุยเซียนา  12. เวนิส อิตาลี

เฉพาะอันดับ  3 กรุงเทพฯนั้น สาเหตุที่จมน้ำมาจากแผ่นดินทรุดตัว โดยอัตราทรุดตัวปีละ 2 เซนติเมตรโดยปี 2020 วัดระดับทรุดตัวลงไปแล้วถึง 1 เมตรจากระดับน้ำทะเล

สาเหตุที่แผ่นดินทรุดตัวก็เพราะ กรุงเทพฯตั้งอยู่บนชั้นดินที่เป็นดินโคลนที่เรียกว่าชั้น “ดินโคลนกรุงเทพฯ ( Bangkok Clay)”

นอกจากการทรุดตัวของแผ่นดินแล้ว ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะภาวะโลกร้อนก็ยังเพิ่มปริมาณน้ำหนุนเข้าท่วมเมืองอีกส่วน

คาดว่าไม่เกินปี 2030 คือ 8 ปีข้างหน้า กรุงเทพฯจะจมน้ำถาวรหากไม่มีการแก้ไข

มีการเสนอให้ย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่ใหม่ แต่ไม่มีรัฐบาลไหนทำ

หรือแม้จะมีโครงการสร้างเขื่อนกั้นก้นอ่าวไทยในสมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ถูกคัดค้านจนไม่ได้สร้าง

มาถึงวันนี้ มีการหยิบยกโครงการนี้ขึ้นมาพิจารณากันใหม่แต่ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจาก 1.6 แสนล้านยุคทักษิณ มาเป็น  6 แสนล้านบาท ก็ยังไม่ได้สร้างกันอีก

ทั้งๆที่แม้จะมีค่าก่อสร้างสูงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ก็คุ้ม เพราะบนสันเขื่อนเป็นถนนระดับมาตรฐานเชื่อมระหว่างแหลมหญ้า เพชรบุรีมาปากน้ำบางปะกง

รถขนสินค้าจากใต้มาสู่ตะวันออกโดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังได้ ย่นระยะทางผ่านกรุงเทพฯได้หลายร้อยกิโลเมตร

หลายเมืองชายฝั่งทะเล เริ่มก่อสร้างเขื่อนปิดเมืองป้องกันน้ำทะเลหนุนเข้าท่วมเมือง และสูบน้ำออกเมื่อมีฝนตกหนักน้ำท่วมขัง

กรุงเทพฯมีเวลาอีก 8 ปีก่อนน้ำท่วมถาวร ถ้าลงมือสร้างเขื่อนปิดก้นอ่าวเสียแต่ตอนนี้ ก็น่าจะทันหนีน้ำท่วมเมืองได้

หรือจะทำแบบจาการ์ต้าที่กำลังสร้างเขื่อนปิดเฉพาะเมืองเดียว ก็พอจะได้

ถ้าไม่ทำอะไรเลย อีก 8 ปีข้างหน้ากรุงเทพฯก็จะเป็นแบบเวนิส

ช่วงข้างขึ้น น้ำทะเลยกระดับสูงขึ้น ทะลักเข้าท่วมเมือง ต้องเดินลุยน้ำกันบนถนนราวกับช่วงฝนตกหนัก

ฝรั่งเคยให้ฉายากรุงเทพฯว่าเป็นเวนิสตะวันออก เหตุมีคลองจำนวนมาก

แต่อีก 8 ปีข้างหน้า จะสมฉายาเวนิสจริงๆจากเหตุน้ำทะเลหนุนท่วมทุกข้างขึ้น แห้งข้างแรมทุกเดือน