บิ๊กเซอร์ไพรซ์ ที่ ฝ่ายค้าน ประกาศเอาไว้ว่าสังคมจะได้เห็น ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 11 รัฐมนตรี นัดสุดท้าย  รอบนี้ ยังไม่เกิดขึ้น ชนิดที่เรียกว่า สร้างความฮือฮา กันกลางสภาฯ  แต่ดูเหมือนว่า เกมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา เมื่อการโหวตลงมติจบลงในวันเสาร์ที่ 23 ก.ค. 65 นี้คือ ภาคต่อ ที่น่าจะเข้มข้น และดุเดือดมากกว่าเดิม เพราะจากนี้ไปคือการเข้าสู่โหมดของการเตรียมตัวลงสู่การเลือกตั้ง กันแล้ว 
 
ดังนั้นแม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะจบลงที่ สูตรคณิตศาสตร์   ยกมือโหวตให้กับนายกรัฐมนตรี กับอีก 10 รัฐมนตรี ไปแล้วใช่ว่า เรื่องร้อน ที่ต่างฝ่าย ต่างหยิบยกขึ้นมาอภิปรายกันในสภาฯ ตลอด 4 วันที่ผ่านมา จะสูญเปล่า ! 
 ในทางตรงกันข้าม สำหรับพรรคฝ่ายค้านแล้ว บาดแผล ที่เริ่มต้นกันเอาไว้ในสภาฯ จะถูกขยายผลไปในการหาเสียง โดยเฉพาะการชี้ถึงข้อผิดพลาด ความบกพร่องจากการบริหารนโยบาย จนมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น  ทั้งที่ 3ป. เคยนำมาใช้เป็น เหตุ ในการทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา 

 โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเอง ที่ดูเหมือนว่า จะถือ เดิมพัน ที่หนักหนาสาหัสกว่า พรรคฝ่ายค้านอื่นๆ เพราะแม้จะเป็นพรรคใหญ่ ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็น แม่เหล็ก  ดึงดูดให้ทุกพรรคฝ่ายค้าน ประกาศตัวร่วมเป็นพันธมิตร จับกันก่อนลงสนามเลือกตั้ง เหมือนกับ พรรคร่วมรัฐบาล 
 
ยิ่งเมื่อสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ไม่อยู่ในโหมดที่เคยมีความแข็งแกร่ง โอกาสที่จะได้เห็น ส.ส.งูเห่า ปรากฏตัว เปิดหน้า ร่วมโหวตเพื่อสนับสนุน 11รัฐมนตรี ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ยิ่งมีมากเท่าใด ยิ่งจะลดทอนความเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้านมากขึ้นเท่านั้น 

 อย่างไรก็ดี ทางฟากรัฐบาลแล้วต้องยอมรับว่าแม้จะวันนี้จะถือแต้มต่อในฐานะ ฝ่ายบริหาร แต่ทุกอย่างย่อมผันแปรได้ทุกเมื่อ 

 โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐเอง ที่แม้เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และประกาศตัวกลับมาจัดตั้งรัฐบาลรอบหน้าก็ตาม แต่ด้วย ปัญหาภายใน ที่คุกรุ่นกันมายาวนาน และพร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ ถ้า การเจรจา ไม่สมประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย 
 ยิ่งเมื่อวันนี้พรรคภูมิใจไทย พรรคแกนนำรัฐบาลอันดับที่ 2  มีแนวโน้มเติบโต และเป็น ผู้เลือก มากกว่าที่ ผู้ถูกเลือก  ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ลดทอนพรรคพลังประชารัฐ ไม่น้อย 
 การต่อสู้ในภาคสนาม ภาคต่อจากศึกในสภาฯ จากนี้ไป นอกจากการที่ต่างฝ่าย ต่างต้องต่อสู้กับด้วยนโยบายแล้ว ยังน่าสนใจว่า ใคร จะเป็นฝ่าย ถือแต้มต่อ   และบริหารจัดการ เกมการเมือง ได้เหนือชั้นมากกว่ากัน !