ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 11 รัฐมนตรี มีผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพล 2 สำนักออกมา ทั้งดุสิตโพล และซูเปอร์โพล จึงขอนำบางช่วงบางประเด็นของผลโพลมานำเสนอดังนี้
โดยดุสิตโพล ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 71.02% สนใจติดตาม "การอภิปรายไม่ไว้วางใจ" ที่กำลังจะมีขึ้นส่วนเรื่องที่ประชาชนอยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1 คือผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 75.67% อันดับ 2 สาเหตุของสินค้าแพง การควบคุมราคาสินค้า 73.49% อันดับ 3 การทุจริต คอรัปชั่น เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง 70.71% อันดับ 4 การแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน 64.45% อันดับ 5 การใช้งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง อนุมัติโครงการต่างๆ60.58%
และสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1เนื้อหาที่นำมาอภิปรายไม่ซ้ำ ค้านอย่างมีเหตุผล มีหลักฐาน80.18% อันดับ 2ควบคุมอารมณ์ สุภาพ ให้เกียรติกัน 77.50% อันดับ 3นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง 76.11%
ขณะเดียวกันสิ่งที่ประชาชนไม่อยากเห็นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1 การโต้เถียง ทะเลาะเบาะแว้ง การประท้วงบ่อยครั้ง 84.33% อันดับ 2เล่นเกมการเมืองมากเกินไป ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน 68.95% อันดับ 3พูดนอกประเด็น นำเรื่องเก่ามาพูด 64.84%
ขณะที่ ประชาชนไม่ถึงครึ่งคือ ร้อยละ 46.03 คิดว่าการอภิปรายที่กำลังจะมีขึ้นจะส่งผลให้เกิดการยุบสภา ส่วนรัฐมนตรีคนใด ที่ควรจะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันดับ 1 คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม 78.51% อันดับ 2 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี65.17% อันดับ 3 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข61.30% อันดับ 4นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ 50.20% อันดับ 5 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม 38.59%
ขณะที่ซูเปอร์โพล ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่มองว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้เพราะที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีแต่การแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์พวกพ้องครอบครัว ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติและของพี่น้องประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างแท้จริง และยังเชื่อว่ารัฐบาลจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นนี้ไปได้ นอกจากนี้ ยังระบุถึงผลงานของรัฐบาลที่ได้รับการยกย่องทั่วโลกให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่แก้วิกฤตโควิดดีเยี่ยมระดับโลกประชาชนส่วนใหญ่มองว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้เพราะที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีแต่การแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์พวกพ้องครอบครัว ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติและของพี่น้องประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างแท้จริง และยังเชื่อว่ารัฐบาลจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นนี้ไปได้ นอกจากนี้ ยังระบุถึงผลงานของรัฐบาลที่ได้รับการยกย่องทั่วโลกให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่แก้วิกฤตโควิดดีเยี่ยมระดับโลก
ผลโพลยังระบุ 5 อันดับบุคคลในรัฐบาลที่ควรทำงานต่อไป พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.7 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 55.9 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 52.1 ระบุ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 48.3 ระบุ นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และร้อยละ 45.7 ระบุ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตามลำดับ