วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ผู้ประกอบการเตรียมปรับขึ้นราคาสินค้า และบริการ ไม่ว่าจะเป็นแก๊สหุงต้ม ที่จะปรับขึ้นอีก 15 บาท ต่อถัง เป็น 378 บาทต่อถังข้าวถุง ซอสปรุงรส น้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มสุกี้ และผงชูรส อีกทั้งผู้ประกอบการเรือคลองแสนแสบ ที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารระยะละ 1 บาท
อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ 8 มาตรการลดค่าครองชีพ และการประหยัดพลังงาน
ประกอบด้วย 1.การคงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และให้สิทธิ์ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อซื้อในราคากิโลกรัมละ 13.62 บาท /กิโลกรัม ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 16 มิถุนายน - 15 กันยายน 2565
2.กำหนดเพดานการขายปลีกก๊าซ LPG ถัง 15 กิโลกรัม ตั้งแต่ กรกฎาคม- กันยายน และการให้ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค่าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5,500 คน ออกไปอีก 3 เดือน
3.ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้เงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน เดือนละ 100 บาทเท่าเดิมต่อไปอีก 3 เดือน
4.การช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นเกิน 35 บาทต่อลิตรในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของราคาที่เกินเพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินไป และคงค่าการตลาดหน้าปั๊มไว้ที่ 1.4 บาทต่อลิตร
5.ขอความร่วมมือจากโรงกลั่นน้ำมันในการส่งกำไรบางส่วนเข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯเพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
6.การให้ความช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน และให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม
7.ขอความร่วมมือในการประหยัดพลังงาน โดยสนับสนุนมาตรการประหยัดพลังงานทั้งภาครัฐและเอกชน
8.มาตรการการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยมาตรการส่งเสริมการประชุม จัดสัมมนา หรือนิทรรศการในต่างจังหวัด ซึ่งหากบริษัทเอกชนไปจัดงานการประชุม สัมมนา หรืออีเวนท์ในต่างจังหวัดจะลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งในจังหวัดเมืองหลักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า และเมืองรองลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม-31 ธันวาคม2565
เราเห็นว่าแนวโน้มราคาสินค้าที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาตรการในการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ จะต้องสร้างสมดุลกับแนวทางการสร้างโอกาสและสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน