6 พรรคฝ่ายค้าน ร่วมกันแถลงข่าว มีมติยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา ด้วยความฮึกเหิม ภายใต้การชูยุทธศาสตร์ เด็ดหัว สอยนั่งร้าน ตั้งเป้า เด็ดหัว นายกรัฐมนตรี สอย รัฐมนตรี เป็นรายบุคคล 
 
โดยมีรายงานว่า 10 รัฐมนตรี ที่ฝ่ายค้านจะใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรซักฟอกครั้งนี้ ประกอบด้วย บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม  บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ  บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 
        
เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน  ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง  ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ วางเอาไว้ 2 ราย คือ  จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ พรรคภูมิใจไทย 2 ราย คือ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม 
       
  ทั้งนี้รัฐมนตรี หรือนายกฯประยุทธ์ จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในข้อหาใด ล่าสุดยังไม่ชัดเจน เพราะฝ่ายค้านให้เสนอชื่อเข้ามา รวมทั้งยังกลัวว่าจะเกิดปัญหา ข้อสอบรั่ว 
        
 นอกจากนี้ฝ่ายใช้ชื่อยุทธการว่า เด็ดหัว นั่งร้าน เพราะมุ่งอภิปรายไปที่หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ของพรรคที่เป็นแกนนำในซีกรัฐบาลเป็นหลัก 
        
 จากยุทธศาสตร์ของพรรคฝ่ายค้านที่ปักธงว่าจะ เด็ดหัว นั่งร้าน นั้นกำลังสะท้อนได้ว่า เมื่อไม่สามารถใช้ เสียงโหวต ในสภาฯ ยกมือ คว่ำ ทั้งนายกฯประยุทธ์ หรือล่มเรือเหล็ก ให้จมลงด้วยสงครามในสภาฯ ครั้งสุดท้ายได้แน่นอน 
        
 การเปิดเกมรุกด้วยการทำลายนั่งร้าน ลดทอน ความเชื่อมั่น ไปจนถึงการสร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นกับคนในรัฐบาลด้วยกันเอง น่าจะเป็นกลยุทธ์ ที่แหลมคมที่สุด ในจังหวะที่ 6พรรคฝ่ายค้าน เองได้ประเมินความแข็งแกร่งของ หากรัฐบาล ผ่านเสียงโหวตรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2566 ในวาระแรก ที่รัฐบาลเอาชนะฝ่ายค้าน ไปอย่างเกินความคาดหมาย ด้วย 278 เสียงต่อ 194 คะแนน