เขย่าสังคมอย่างแรง หลังกระแสสลากดิจิทัลเข้ามาสร้างแรงสั่นสะเทือน ให้บรรดาเหลือบแร้งขายหวนเกินราคาที่เอาสลากไปค้ากำไรเกินควรมานานหลายปี 

 

โดยใช้เวลาเพียง 4 วันก็สามารถจำหน่ายสลากดิจิทัล ผ่านแปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ได้หมดเกลี้ยง 5 ล้านกว่าใบ ในราคาควบคุม 80 บาท ซึ่งจะนำผลการจัดจำหน่ายในแต่ละงวดมาวิเคราะห์หาจำนวนที่เหมาะสม โดยพิจารณาจำนวนสลากฯ ที่จำหน่ายในแต่ละงวดว่าสามารถจำหน่ายออกไปได้หมดหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตัวแทนจำหน่ายขาดทุน เพราะแม้กระแสตอบรับจะดี แต่เห็นว่างวดแรกยังไม่สามารถประเมินอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องปกติของพฤติกรรมผู้ซื้อที่มักจะตื่นเต้นกับสินค้าใหม่

 

นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาการพัฒนาระบบด้วยการปรับเพิ่มฟีเจอร์กว่า 10 รายการ อาทิ ระบบการลดราคาของตัวแทนให้กับลูกค้า ,การค้นหาตัวแทนเฉพาะกลุ่ม เช่น คนพิการ สมาคม รวมถึงฟีเจอร์เลขชุดที่จะค้นหาได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเพิ่มทางเลือกการผูกบัญชีกับธนาคารอื่นนอกเหนือจากธนาคารกรุงไทย ขณะเดียวกันภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ถึง 1,000 จุดทั่วประเทศไทย รวมถึงโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อจองล่วงหน้า ที่จะเพิ่มจำนวนจาก 130,000 ราย เป็น 200,000 ราย

 

ที่น่าสนใจ คือภายในปีนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาจำหน่ายในรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก ซึ่งจะคล้ายกันกับสลากปัจจุบัน และสลากตัวเลข 3 หลัก ซึ่งจะคล้ายกันกับหวยใต้ดิน 2 ตัว 3 ตัว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเซ็นสัญญากับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

 

ทั้งนี้เป็นการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ปัญหาหวยเถื่อน ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายกำหนด โดยเฉพาะการจำกัดอายุของผู้ซื้อต้องไม่เกิน 20 ปี เพื่อป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน การห้ามจำหน่ายในโรงเรียน

 

เราสนับสนุนมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งสลากดิจิทัลจะเป็นผู้นำตลาดในการขายในราคาที่กำหนดคือ  80 บาท เป็นการแก้ไขปัญหาแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่หวยใต้ดินนั้น ต้องไปดูข้อกฎหมายและหาช่องในการดำเนินการที่ไม่ซ้ำรอยในอดีต ซึ่งหากทำสำเร็จจะเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล แก้ไขปัญหาให้ครบวงจร รอบด้านและทุกมิติ