สถาพร ศรีสัจจัง

             

“ประเทศแห่งการกราดยิง” คือประเทศสหรัฐอเมริกา !                                               

               

นี่คือชื่อที่บางใครในวงสนทนาวันนี้ตั้งฉายาให้กับประเทศที่ทำตัวเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่” ของโลกยุคปัจจุบัน ที่ต้องพูดว่า “ทำตัว” ก็เพราะหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ด้วยชัยชนะของกลุ่มประเทศที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายสัมพันธมิตร” ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมเป็นหัวโจกใหญ่ด้วย (หลังประเทศอื่นเขา?) ครั้งนั้นแล้ว มีพื้นที่ของโลกส่วนไหนบ้าง?ที่ “มหาอำนาจ”ประเทศนี้ (ซึ่งได้รับอานิสงส์ในทุกด้านเหนือชาติมหาอำนาจใด จากการเป็นประเทศผู้ชนะสงครามโลกครั้ง 2 ที่บอบช้ำน้อยที่สุด!) ไม่เข้าไป “เผือก” หรือเข้าไปจุ้นวุ่นวายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศตน ทั้งโดยตรงแบบหน้าด้านๆและโดยแอบแฝง !                                                                            

               

ไม่ว่าจะในนามของ “ผู้นำฝ่ายโลกเสรี-ประชาธิปไตย” หรือในข้ออ้างทำนองเป็น “ภารกิจของคนขาว” ( white man burden) ผู้เจริญแล้ว!                                      

             

ประเทศที่รู้จักกันในชื่อ “สหรัฐอเมริกา (The United States of America) นั้น กล่าวถึงที่สุดแล้วอาจนับเป็นประเทศได้ก็เมื่อมีการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับของโทมัส เจฟเฟอร์สัน ที่เพิ่มเรื่อง “สิทธิของพลเมือง” (Bill of Right) เข้าไปแล้วในปีค.ศ.1791นั่นแหละ!                                   

                 

แม้จะฟังได้ว่า ผู้อพยพจากยุโรปจะเข้าไปสู่ทวีปอเมริกา(ที่เชื่อว่านายโคลัมบัสคือผู้ค้นพบ) มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1600 (สเปนและอังกฤษ) โดยชาวสเปนได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่แถบพื้นที่ของรัฐฟลอริดาในปัจจุบัน หลังจากนั้น ชาวฝรั่งเศสส่วนหนึ่งก็เข้าไปในช่วงปีค.ศ. 1770 โดยไปตั้งถิ่นฐานอยู่แถบริมแม่น้ำมิสซิสซิปปีและแถวอ่าวเม็กซิโก ฯ                              

                     

พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้เข้าไปตั้งถิ่นฐานที่นั่นพร้อมกับมี “ปืน” เป็นเครื่องมือสำคัญ!                                             

                 

หลังความขัดแย้งกับเจ้าอาณานิคมอังกฤษ ด้วยการใช้อาวุธ(ปืน!) แก้ปัญหา ในปีค.ศ.1775 (วันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776) ก็ยอมรับ “คำประกาศว่าด้วยอิสรภาพ” ( Declaration of Independence) ของนายทอมัส เจฟเฟอร์สัน พร้อมกับมีการจัดตั้งกองกำลังรบ(กองทัพ)ขนาดใหญ่ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากฝรั่งเศส                                  

                 

มีนายพลคนดังที่ชื่อ ยอร์ช วอชิงตัน เป็นผู้บัญชาการทัพ!                                  

                 

หลังจากนั้นจึงมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ ที่มีการเติมเนื้อหาเรื่อง “สิทธิพลเมือง” (Bill of Right) เข้าไปแล้ว และมีประธานาธิบดีคนแรก ซึ่งก็คือนายพลยอร์ช วอชิงตัน แม่ทัพคนสำคัญคนนั้นนั่นแหละ ในปีค.ศ1791                                      

                   

ดังนั้น เมื่อนับอายุประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเปรียบเทียบกับประเทศที่จัดตั้งกันมาอย่างยาวนานก่อนแล้ว เช่น สเปน อังกฤษ โปรตุเกส หรือ เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ก็ต้องถือว่าเป็น “เด็กรุ่นใหม่” ที่มีอายุยังไม่ถึง 300 ปี อายุพอๆกับประเทศไทยเราจากยุคตั้งกรุงรัตนโกสินทร์มาจนถึงปัจจุบันเท่านั้น!                    

                 

ที่บอกว่า ผู้ซึ่งถูกเรียกว่า “อเมริกันชน” ในปัจจุบัน เข้าไปตั้งถิ่นฐานในทวีปใหม่(ในความคิดของชาวยุโรป เพราะแท้จริงชนพื้นเมืองคือชนเผ่า “อินเดียนแดง” ได้เข้าตั้งถิ่นฐานอยู่อย่างยาวนานเป็นพันปีมาก่อนแล้ว)พร้อมกับ “ปืน”

                    

และที่สามารถขยายพื้นที่ได้อย่างกว้างขวางอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ “ปืน” ด้วยเช่นกัน!

                     

ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายและชัดเจนที่สุดก็คือ  กรณีการใช้กำลังอำนาจ (ในรูปแบบต่างๆ) และ “ปืน” เพื่อ “กำราบ” เจ้าของแผ่นดินเดิม คือชาวอินเดียนแดง!

                     

ใครที่เคยอ่านเรื่องราวหรือดูภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องราวของ “ซิตติ้ง บูล” หมอผีและผู้นำลือนามของชาวอินเดียนแดง “ผู้ล่อ” กองทหารม้า อเมริกาที่ฟังว่า “สุดโหด” และ คอยปราบปรามเข่นฆ่าชาวอินเดียนแดงมาอย่างระบือลือลั่น ที่อยู่ภายใต้การนำของ นายพลคัสเตอร์ ผู้มีฉายาว่า “Long hair Custer” ให้เข้ามาติดกับดัก ที่ “ยุทธภูมิลิตเติ้ล บิ้กฮอน” แล้วโจมตีด้วยความแค้น ย่อมจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดี!

                 

 เกี่ยวกับเรื่องการกดขี่ข่มเหงชาวอินเดียนแดงด้วย “ปืน” นี้ น่าจะไม่มีหลักฐานอะไรหนักแน่น และสะเทือนใจมากไปกว่า “สุนทรพจน์ของหัวหน้าเผ่าซีแอตเติล” เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาติดต่อขอ “ซื้อ” พื้นที่ซึ่งเป็น “แผ่นดินแม่”ของพวกเขา!

                   

ภายหลัง สุนทรพจน์ของ “Chief Seattle” บทนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเป็น “วาทกรรม” ที่มีเนื้อหาแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมที่ลุ่มลึกโดดเด่น ท่อนสั้นๆในสุนทรพจน์ช่วงแรกสุดตอนหนึ่งระบุถึง “สหรัฐอเมริกากับปืน” ไว้อย่างชัดเจน จึงขอคัดมาให้ดูกันสักหน่อยก็แล้วกัน :

                       

“... เรารู้ดีว่า มิตรภาพจากเรา(ชาวอินเดียนแดง)ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขา(คนอเมริกัน)เลย แต่เราก็พิจารณาข้อเสนอของท่าน เพราะเรารู้ว่าถ้าเราไม่ขาย(แผ่นดินแม่) พวกคนขาวก็จะขน “ปืน” มายึดดินแดนของพวกเราอยู่ดี  แต่ท้องฟ้าและความอบอุ่นของแผ่นดินนั้น เขาซื้อขายกันได้อย่างไร?…”

                      

เห็นไหม?ว่า “ปืน” มีความสำคัญกับสังคมสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่โบราณอย่างไร?!!!