เสร็จจาก ศึกสภาฯ ขุนพลพรรคเพื่อไทย พากันบ่ายหน้าไปเยี่ยมพื้นที่อีสาน กันเป็นงานแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา รอบนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยกทัพไปยัง จังหวัดสุรินทร์ เมืองช้าง ในกิจกรรม ไปเยี่ยมยาม ถามข่าว ชาวสุรินทร์ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์
แต่การขยับเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย รอบนี้น่าสนใจว่ามีขึ้นในจังหวะที่สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย กำลังเจอกับบททดสอบ ความแข็งแกร่งว่าจะสามารถเดินทางไกลไปสู่เป้าหมาย แลนด์สไลด์ ในการเลือกตั้งรอบหน้าได้หรือไม่
เพราะอย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทย เผชิญหน้ากับ แรงกดดัน อย่างหนัก ผ่านวันลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นอกเหนือไปจากการที่ฝ่ายรัฐบาลจะผ่านฉลุย มีเสียงสนับสนุนจาก พรรคร่วมรัฐบาล ชนิดที่ต้องเรียกว่า ไม่แตกแถวแล้ว ยังปรากฎว่ามีเสียงโหวต จาก ฝ่ายค้าน ฝั่งตรงข้าม เทมาหนุนให้กับรัฐบาล ส่งผลให้ได้เห็น ตัวเลขแพ้-ชนะ ชนิดที่เรียกว่า ทิ้งห่าง กันหลายสิบเสียง เกินกว่าที่รัฐบาล คาดการณ์เอาไว้ด้วยซ้ำ
โดยที่ประชุมสภาฯ โหวตในวาระที่ 1 รับหลักการ ด้วยคะแนน 278ต่อ194 งดออกเสียง2นั้น ซึ่ง 278 เสียงมาจากพรรคร่วมรัฐบาล ทุกพรรค
ขณะที่ ฝ่ายแค้นในรัฐบาล อย่าง พรรคเศรษฐกิจไทย 16 เสียง ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ กลุ่ม16ส.ส. 18คน พากันโหวตรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ฯ 2566 ชนิดที่ไม่ต้องลุ้น หลังจากที่มีรายงานมาก่อนวันลงมติแล้วว่า ทั้งพรรคเศรษฐกิจไทย และกลุ่ม 16 ส.ส. ได้รับการจัดสรรเก้าในคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ ฯ กันเป็นที่น่าพอใจ
แต่ที่ฮือฮา คือ 7เสียง จาก พรรคเพื่อไทย คือดูเหมือนว่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือน ไม่น้อย ไม่เฉพาะแค่เพียง จำนวนเท่านั้น แต่เป็น งูเห่า ที่มาจากส.ส.เขต มีฐานเสียงอยู่ในมือ ทั้งจาก ส.ส.ศรีสะเกษ 3คนที่เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย คือจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ,ธีระ ไตรสรณกุล , ผ่องศรี แซ่จึง ส่วนอีก 4คนได้แก่ จักรพรรดิ ไชยสาสน์ ส.ส.อุดรธานี ,นิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก ,วุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก และสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา
แน่นอนว่าทั้ง 7 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เปิดหน้าโหวตรับร่างกฎหมายการเงิน ให้กับฝ่ายรัฐบาล อาจเป็นเพียง ภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ เท่านั้น เป็นแค่ หนังตัวอย่าง ที่ทำให้ เจ้าของพรรค ที่อยู่แดนไกล ไม่อาจ นิ่งนอนใจ
จากศึกสนามกทม. เมื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่แม้จะเคยอยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ยังต้องประกาศตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ จนกวาดคะแนนได้กว่า 1.3 ล้านแต้มนั้น ลึกๆแล้วพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าคะแนนของชัชชาติ แทบไม่มีผลบวกต่อพรรค จนทำให้มั่นใจได้ว่า สนามเลือกตั้งกทม. เพื่อไทยจะกวาดที่นั่งส.ส.ได้เป็นกอบเป็นกำ
สภาวการณ์ของพรรคเพื่อไทย เวลานี้จึงไม่ต่างไปจากการดิ้นสู้เพื่อเดินไปสู่ แลนด์สไลด์เท่านั้น แต่ในระหว่างทางก็ยังต้องรับมือกับเกม เจาะยาง จากพรรคฝ่ายรัฐบาลไปพร้อมๆกัน !