เมื่อเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ยังอยู่ที่การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ กลับมาตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์ในระดับพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยที่เคยสั่งสมกำลัง ทั้งในและนอกสภาฯ นั้นไม่สู้ดีนัก !
เมื่อ คนเสื้อแดง ที่เคยเป็นกำลังหลัก ทำหน้าที่รบนอกสภาฯ ให้กับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ได้อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ผ่านมาไม่เพียงแต่จะมี พี่น้อง 3ป. ขึ้นมาเป็นเพลย์เมกเกอร์ทางการเมือง ทำพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาสู้กับพรรคเพื่อไทย เท่านั้น แต่ยังปรากฏว่าในสนามเลือกตั้งครั้งนั้น ยังเป็นการเปิดสนามให้กับ พรรคการเมืองใหม่
ทั้งที่ใหม่ถอดด้าม อย่าง พรรคอนาคตใหม่ ที่สามารถกวาดส.ส.เข้าสภาฯ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จนทำให้พรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นดาวทางการเมืองดวงใหม่ ที่กลายเป็น คู่แข่ง กับทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ ในคราวเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมี กลุ่มการเมือง ที่เป็นนักการเมืองเก่า มีฐานเสียง มีส.ส.เป็นของตัวเอง ได้พากันแยกออกไปตั้งพรรคการเมือง และย้ายไปอยู่กับพรรคต่างๆ และที่สำคัญไปมากกว่านั้น บรรดากลุ่มการเมืองต่างๆเหล่านั้นที่เคยมาจากพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีแนวโน้มที่จะกลับบ้านเดิมอีกครั้ง ในทางตรงกันข้ามกลุ่มการเมืองดังกล่าวยังพากัน ขยับออกไปรวมตัวกันกับพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่ โดยที่ไม่มีเป้าหมายว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยอีกด้วยต่างหาก
ดังนั้นการกลับไปปลุกพลังของพี่น้องคนเสื้อแดง ที่เคยเป็นฐานกำลังนอกสภาฯ จึงถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะผลักดันให้พรรคเพื่อไทยเข้าใกล้ชัยชนะ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ได้แปรเปลี่ยนไป เมื่อ คนเสื้อแดงถูก ดึงออกไปหนุน พี่น้อง 3ป. ผ่าน อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ทั้ง อานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย
และล่าสุดยังได้ แรมโบ้อีสาน เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่จำใจต้องทิ้งตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี มานั่งในฐานะประธานชมรมเครือข่ายปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ออกแรงช่วยอานนท์ เปิดเกม ชิงมวลชนคนเสื้อแดง ในพื้นที่อยู่ในเวลานี้
ปฏิบัติการแย่งชิงมวลชนคนเสื้อแดง ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคพลังประชารัฐ ผ่านตัวเล่นทั้ง แรมโบ้อีสาน-อานนท์ จะบรรลุเป้าหมาย หรือไม่ยังเป็นเกมที่ต้องสู้กันด้วยหลากหลายรูปแบบ ทั้งอำนาจ และกระสุน เพื่อสร้างกระแส !