เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดเงื่อนไขวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่รู้ ก็คงมีนายกฯสำรองมั้ง ไม่รู้” เพียงประโยคนี้ที่ พล.อ.ประวิตรหลุดออกมา ก็ทำให้มีการพูดถึงกระแสนายกฯสำรองเกิดขึ้นและมีการขยายผลออกไป และแม้พรรคพลังประชารัฐจะยืนยันว่ามีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพียงคนเดียว คือพล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็มีความพยายามที่จะนำเสนอประเด็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ผู้สื่อข่าวถามว่า : มีบางคนเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวว่า อยู่ที่ตัวพล.อ.ประวิตร ความจริงก็เป็นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่าน ส่วนที่นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ระบุให้พล.อ.ประวิตร มาเป็นนายกฯ เพื่อแก้วิกฤตนั้น นายอดุลย์ คงมีความคิดอยากให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์และเดินหน้าแก้ไขปัญหาในทุกๆเรื่อง ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี ผู้สื่อข่าวถามว่า : การอภิปรายไม่ไว้วางใจและเกิดอุบัติเหตุการเมืองในสภา มองเรื่องบัญชีนายกฯอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คงใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสอง สำหรับบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขในสถานการณ์นี้ได้ เพื่อนนักข่าวก็ไปถาม "พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในเรื่องเดียวกัน ท่านก็ตอบว่า"น่าจะเป็นไปได้ หากทุกอย่างนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ก็อาจจะเป็นไปได้" นักข่าวถามว่า "นายกฯ ในบัญชีรายชื่อที่มีอยู่ไม่พอใช่หรือไม่ จึงเสนอแนวคิดนี้ขึ้นมา? พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า “ไม่ใช่ไม่พอ แต่คนไม่ศรัทธา คนไม่เอาก็ไม่เอา อย่างมากก็ต้องหาคนที่ประชาชนต้องการ ที่ทำเพื่อประชาชน” กระนั้น กระแสที่เกิดขึ้น เรื่องอุบัติเหตุทางการเมืองต่างๆ ในสภาฯ นั้น หากเกิดอุบัติเหตุโหวตคว่ำร่างกฎหมายการเงินก็อาจจะทำให้ร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะได้บัตรเบลือกตั้ง 2 ใบต้องตกไป และหากร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอถูกคว่ำ ก็เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเลือกยุบสภาฯ มากกว่าลาออก ขณะที่เรื่องตีความวาระในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี หากเทียบเคียงกับกรณีการต่ออายุตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีโอกาสไปต่อสูง