ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวคราวในโลกออนไลน์ ที่สะเทือนใจพอสมควร สำหรับสถาบันครอบครัว เมื่อคนดังผู้เป็นลูกประกาศยอมอกตัญญูต่อผู้เป็นแม่ ด้วยเหตุผลของการรับภาระหนี้สินแทนไม่ไหว ต่อมาคนดังรายดังกล่าวก็ยังยืนยันว่า ตนเองรักแม่ และแม่ก็รักตน และพร้อมสู้กับปัญหา แม้เรื่องราวที่เปิดเผยออกมาต่อสาธารณะของแต่ละบุคคลนั้น จะมาจากหลายเหตุปัจจัยที่สลับซับซ้อน จะเป็นด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรืออย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าเมื่ออารมณ์นั้นๆถูกส่งต่อผ่านสื่อ ย่อมส่งผลกระทบสะเทือนไปสู่องคาพยพต่างๆ ดังที่มีข่าวว่ามีเด็กพยายามที่จะเลียนแบบตกน้ำอย่างดาราสาว “แตงโม”นิดา พัชรวีระพงษ์ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ทั้งที่ดาราสาวต้องจบชีวิตที่กำลังสวยงามลง แต่เด็กไม่ได้มองในมุมดังกล่าว ดังนั้น การสื่อสารคำว่า “ยอมอกตัญญู” ออกไปในสื่อโซเชียลนั้น ผู้ที่รับสารโดยเฉพาะเยาวชนนั้นยังไม่รู้เท่าทัน และไม่อาจแยกแยะ หรือเลือกที่จะมองในมุมที่แตกต่างดังกรณีข้างต้น จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ยิ่งในสังคมปัจจุบันที่สถาบันครอบครัวมีความเปราะบาง จากวิถีการดำเนินชีวิต และการเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมที่มีอิทธิพลจากความเชื่อทางการเมืองของคนบางกลุ่มบางพวก กำลังส่งบ่อนเซาะ จึงขออนุญาตยกเอาความตอนหนึ่งจาก การแสดงพระธรรมเทศนา ของพระเทพปฏิญาณวาที (พระพิพิธธรรมสุนทร ในขณะนั้น) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัษนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2547 ศพคุณแม่สุดจิตร์ ต่อสุวรรณ จากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทนเพลิงศพ คุณแม่สุดจิตร์ ต่อสุวรรณ มานำเสนอดังนี้ “...แม่มีพระคุณนับว่ามากมายมหาศาล แต่อย่างน้อยที่สุดจะกลั่นกรองพระคุณของแม่ออกมาให้เห็น เป็นเพียง 4 ประการ ที่เลี้ยงลูกมาจนเติบโตด้วยร่างกาย เดิบโตด้วยหน้าที่การงานก็คือน้ำที่แม่บำรุงเลี้ยงลูกนั้นก็คือน้ำ 4 ประการ ได้แก่ น้ำนม น้ำเสียง น้ำมือ และน้ำแรง ประการแรก น้ำนม หลังจากลูกถือกำเนิดเกิดมาแล้ว แม่ก็เลี้ยงลูกด้วยอาหารวิเศษคือ น้ำนม นมแม่กระแสสาย เลือดในกายแม่ผสม เป็นอาหารอันอุดม ที่พระพรหมแม่ประทาน ยามที่ลูกหิวโหย ร้องโอดโอยแม่สงสาร มิก่นบ่นรำคาญ ให้ดูดนมจนสมใจ บางครั้งน้ำนมแห้ง ลูกดูดแรงก็เลือดไหล ดื่มเลือดของแม่ไป แม่ทนได้เพื่อลูกยา เพราะฉะนั้น การที่ลูกเดิบโตด้วยร่างกายนั้น อาหารมื้อแรกที่ลูกได้จากแม่คือ “น้ำนม” คือเลือดในอกที่กลั่นออกมาเป็นอาหารที่ทรงคุณค่า ...” (อ่านต่อฉบับหน้า)