แนวรบในเวทีสภาผู้แทนราษฎร นับว่ามีความสำคัญต่อทั้ง ฝ่ายค้านและ ฝ่ายรัฐบาล แต่ต้องยอมรับว่า ฝ่ายหลังคือรัฐบาลโดยเฉพาะตัว บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นั้นถือ เดิมพัน มากกว่าใครเพื่อน ! การโหมโรงของ พรรคฝ่ายค้าน ที่ประกาศจะใช้เวทีสภาฯ ซักฟอกนายกฯ พ่วงด้วย รัฐมนตรี เป็นรายบุคคล ด้วยญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ยังไม่น่าหวั่นไหว วิตกกังวลเท่ากับ พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง โดยเฉพาะ พรรคเล็ก ที่รวมตัวกันในนาม กลุ่ม16 ไปจนถึง พรรคเศรษฐกิจไทย ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่งเป็นเลขาธิการพรรค คุมเกม ล้วนแล้วแต่วางใจได้ยาก ก่อนหน้านี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรเพื่อไทย ออกมาโยนระเบิดด้วยการระบุว่า ฝ่ายค้านได้มีการประสานกับส.ส.ในปีกรัฐบาล เพื่อให้มาร่วมกัน ล้มนายกฯในการโหวตลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งเท่าที่เจรจาพูดคุยกันไว้อยู่ที่ตัวเลขราว 30 เสียง 30 เสียงส.ส.ในสังกัดพรรครัฐบาล จะมีจริงตามที่ นพ.ชลน่าน ออกมาฉายหนังเอาไว้หรือไม่ หรือจะเป็นหนึ่งในเกมกลยุทธ์ที่หวัง เขย่าขวัญ และสร้างรอยร้าวให้กับ พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง แต่อีกด้านหนึ่งคือการสะท้อนให้เห็นว่า พรรคฝ่ายค้านใช้ เกมย้อนศร กับฝ่ายรัฐบาลที่เคยใช้ ส.ส.งูเห่า โหวตหนุนฝ่ายรัฐบาลมาแล้ว อีกทั้งยังเป็นการชี้เห็นถึงปัญหา เสถียรภาพ ของขั้วรัฐบาล ไม่อาจรวบรวมเสียงในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ ต้องลุ้น ต้องสู้กันช็อตต่อช็อต และยิ่งเมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้จะถือเป็น ครั้งสุดท้าย ที่ฝ่ายค้านจะใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบรัฐบาล ในสภาฯ เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ สามารถพารัฐมนตรี ฝ่าด่านศึกซักฟอกไปได้อย่างฉลุย รวมทั้ง 18เสียง ของพรรคเศรษฐกิจไทย โหวตลงมติสนับสนุน ตามที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้จัดการรัฐบาล ได้ยืนยันผ่านสื่อมาก่อนหน้านี้ จะยิ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองพลิกมุมกลับทันที นั่นคือการส่งสัญญาณชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีลุ้น ถือแต้มต่อเหนือ คู่แข่ง มีโอกาสที่จะกลับมานั่งนายกฯ ต่อ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ บิ๊กตู่จะต้องฝ่าด่านหิน คือปม นายกฯ8ปี ให้ได้ด้วยเช่นกัน !