บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะตัดสินใจ ยุบสภาฯ ก่อนไปถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในสมัยประชุมฯ หน้าตามที่ ฝ่ายค้าน พยายามโหมกระพือ หรือไม่ เวลานี้อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
เพราะสำหรับ พรรคประชาธิปัตย์ ในยามนี้ กำลังแบกรับกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยเฉพาะ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯและรมว.พานิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่รับมือกับเสียงเรียกร้องและแรงกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค พร้อมทั้งบีบกรรมการบริหารพรรคยกชุด ลำพังการแสดงความรับผิดชอบ จากปัญหา ปริญญ์เอฟเฟกซ์ ด้วยการแถลงข่าวขอโทษสังคม และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องปริญญ์ ไปจนถึงการสอบสวนมือปล่อยแชทไลน์ที่มีการพาดพิงเรื่องชู้สาวในพรรคคงไม่เพียงพอเสียแล้ว
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ จะเปิดหน้า เปิดศึกห้ำหั่นกันเอง คล้ายกับแบ่งขั้วออกเป็นสองข้าง
ฝ่ายหนึ่งอยู่กับขั้วหัวหน้าพรรค ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง ประกาศตัวกดดัน ซึ่งหน้า พร้อมทั้งเปิดปฏิบัติการยื่นหนังสือลาออก ทั้งจาก สมาชิกพรรค บ้าง จาก ตำแหน่ง ในพรรค โดยล่าสุด กนก วงศ์ตระหง่าน แจ้งลาออกจากรองหัวหน้าพรรค เมื่อเช้าวันที่ 25 เม.ย.
แต่ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้น คือการที่กนก ทิ้งหมัด เข้าเป้าว่า ต้องการกดดันจุรินทร์ นั้นไม่ใช่เพื่อเปิดทางให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค คัมแบค แต่อย่างใด เพราะเชื่อว่า ถึงอย่างไร อภิสิทธิ์ จะไม่ตัดสินใจกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนจุรินทร์ แต่การตัดสินใจเช่นนี้ด้วย สำนึกทางศีลธรรม และมองว่าพรรคเองก็ต้องรักษามาตรฐานศีลธรรมเอาไว้ด้วยเช่นกัน
จากนั้นห่างกันไม่กี่ชั่วโมง เกิดความเคลื่อนไหวจากปีก ของจุรินทร์ เมื่อ มัลลิกา บุญมีตระกูล ได้ลาออกจากคณะกรรมการบริหารพรรค เท่ากับว่า ปีกของจุรินทร์ เองได้ลดแรงเสียดทาน เพราะอย่าลืมว่า มัลลิกา เองก็ถูกแกนนำพรรครายอื่น ตั้งคำถามกับจุรินทร์ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นผู้ที่โพสต์ข้อความพาดพิงสมาชิกพรรคคนอื่นด้วยเรื่องชู้สาว จนทำให้พรรคโดนกระหน่ำซ้ำเติมให้เลวร้ายตามมา ว่า จริงหรือไม่
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีใครบอกได้ว่า ปัญหาจากความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์จะจบลงอย่างไร กลยุทธ์การกดดัน จากฝ่ายตรงข้ามจุรินทร์ จะสำแดงฤทธิ์อย่างไร และปีกของจุรินทร์ จะแก้เกม เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะเวลาเริ่มนับถอยหลัง ลงสู่สนามเลือกตั้งแล้ว !