ระยะ ที่ผ่านมามักได้ข่าวคนรู้จักและคนใกล้ตัวทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงานติดเชื้อโควิด-19 จนดูเหมือนใครๆก็ติดโควิด แต่ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ภาพพี่น้องประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ กินดื่มสังสรรค์กันอย่างคึกคัก แม้กระทั่งร้านอาหารประเภทจังค์ฟู้ดบางแห่งคนแน่นขนัด ก่อนหน้านี้นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงผลการคาดการณ์สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทย หลังเทศกาลสงกรานต์ว่า คาดการณ์สถานการณ์โควิดจะทำเป็นเส้นกราฟ 3 สี คือ สีเขียว ระดับดีที่สุด สีเหลือง สถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น และสีแดง ระดับเลวร้ายที่สุด หากสงกรานต์หากมีการหย่อนยานมาตรการ อาจจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้นได้ ช่วงสงกรานต์จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญในการรับมือการระบาด ทั้งนี้ สธ.ขอความร่วมมือประชาชน โดยก่อนเดินทางให้ Self-Clean Up ตัวเอง งดกิจกรรมเสี่ยงอย่างน้อย 7 วัน ตรวจ ATK และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ช่วงระหว่างงานสงกรานต์ 2565 มีข้อปฏิบัติ คือ 1.สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ร่วมกิจกรรม 2.ล้างมือบ่อยๆ 3.เว้นระยะห่างเมื่อไปในที่มีคนหนาแน่น เช่น วัด ตลาด ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า4.งดกิจกรรมการสัมผัสใกล้ชิดหรือใช้สิ่งของร่วมกัน 5.เลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน และ 6.ผู้สูงอายุควรได้รับวัคซีนให้ครบก่อนร่วมกิจกรรม ส่วนข้อปฏิบัติหลังกลับจากเทศกาลสงกรานต์คือ 1.สังเกตอาการตนเอง 7 วัน หากมีอาการสงสัยติดเชื้อให้ทำการตรวจ ATK 2.หลีกเลี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก หากต้องพบผู้อื่นให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และ 3.สามารถทำงานจากที่บ้าน (work from home) ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะส่วนงานที่ไม่กระทบต่อการให้บริการ เนื่องจากการติดเชื้อในสายพันธุ์โอไมครอน พบว่ามีการติดเชื้อที่ทำงานนำไปสู่การติดเชื้อครอบครัว และนำมาสู่การติดเชื้อที่ทำงานหรือกิจกรรมพบปะสังสรรค์ ร่วมกันเป็นวงจรแบบนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อกลับบ้านแล้วกลับมาทำงาน จึงมีโอกาสนำเชื้อกลับมาแพร่ที่ทำงานได้ด้วย ขณะที่รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวตอนหนึ่งระบุว่า “...มองสถานการณ์ไทย บทเรียนจากสงกรานต์และปีใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา หากไม่ป้องกันให้ดี หลังสงกรานต์จะมีจำนวนติดเชื้อเพิ่มขึ้นราว 2-3 เท่า ทั้งนี้ ณ ช่วงปลายพฤษภาคมอาจมีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงกว่าช่วงปลายเมษายนได้มากขึ้นอีก 2 เท่า” กระนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น ไม่อันตรายเท่ากับความคิดของผู้คนที่ประมาทเจ้าโควิดโอไมครอนว่าเป็นเพียงไวรัสกระจอก ที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มียาวิเศษที่ป้องกันการติดเชื้อ มีแต่ช่วยบรรเทาอาการและลดความรุนแรงของโรค ฉะนั้นไม่ติดได้ดีที่สุด