เมื่อพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ประกาศท่าทีชัดเจนแล้วว่า แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความยึดโยงกับพรรคเพื่อไทย จากนี้เธอคือ แม่ทัพ ที่จะมาเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับสมาชิกพรรคทั่วประเทศแล้ว ก้าวต่อไป คือการขึ้นแท่น แคนดิเดตนายกฯ เพื่อเปรียบมวยกับ คู่แข่ง ทั้งจากพรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล แน่นอนว่าเมื่อวันนี้แสงสปอร์ตไลท์ฉายไปที่แพทองธาร จึงทำให้เกิดกระแสทั้ง บวก และ ลบ ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย ในสายตาฝั่งตรงข้าม แพทองธาร ในวัย 35ปี ย่อมถือว่า ฟอร์มสดกว่า เมื่อครั้งที่ ทักษิณ ตัดสินใจส่ง น้องสาวคนสุดท้อง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สวมเสื้อพรรคเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้งในปี 2554 และเอาชนะการเลือกตั้ง ทำให้เธอได้เป็น นายกฯหญิงคนแรก ของประเทศ วันนั้นยิ่งลักษณ์ อายุ 47 ปี และมาจาก ผู้บริหารหญิง บริษัทในเครือชินวัตร แต่อาจไม่ใช่ คู่แข่ง ที่สูสีหรือสมน้ำสมเนื้อ ที่ก้าวขึ้นมาชิงเก้าอี้กับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือแม้ตแต่ หัวหน้าพรรค จากฝ่ายค้านด้วยกันเองอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่นับรวม หัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ในระดับ บิ๊กเนม ทว่าปัจจัยที่ทำให้ทุกพรรคการเมืองต้องพากันหันกลับมามองที่พรรคเพื่อไทย ในวันที่ชูแพทองธาร คือจำนวนตัวเลขส.ส.ที่พรรคเพื่อไทย จะกวาดเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ว่าจะสามารถแลนด์สไลด์ ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายได้จริงหรือไม่ และจำนวนส.ส.จะมากน้อยแค่ไหน เพราะที่สุดแล้วอาจกลายเป็น ตัวแปร ในการจัดตั้งรัฐบาลรอบหน้า พรรคเพื่อไทย พยายามเร่งหาทางที่จะ ปิดจุดอ่อน ของตัวเองเพื่อ แข่งกับเวลา อย่างหนัก เพราะแม้ลึกๆแล้วประเมินแล้วว่าโอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ยาวไปจน ครบเทอม มีความเป็นไปได้สูง ส่งผลให้ทุกพรรค รวมถึงพรรคเพื่อไทย ยังมีเวลา ฟูมฟัก เตรียมความพร้อมให้กับแพทองธาร ไปจนถึงวันเลือกตั้งใหญ่มาถึง แต่ทว่าในขณะเดียวกัน การเปิดหน้าแพทองธาร ในฐานะ หัวหน้าครอบครัว และว่าที่แคนดิเดตนายกฯ อาจกลายเป็น จุดอ่อน และ บาดแผล ที่คนในครอบครัวของเธอเอง เคยมีปัญหาเกี่ยวข้องไว้ให้วนกลับมา จนทำให้แพทองธาร อาจเดินไปไม่ถึงวันเลือกตั้งรอบหน้า หรืออย่างน้อยที่สุด ฟอร์มที่สดใส สดใหม่วันนี้อาจมีอันต้องแปรเปลี่ยน จากหน้ามือ พลิกผันไปสู่การดึงเธอเข้า คิลลิ่งโซน แทน !