จากกรณีที่รัฐบาล เตรียมปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นในวันที่ 1 เม.ย. 2565 หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในวันที่ 31 มีนาคม 2565 ซึ่งจะทยอยปรับขึ้นราคา 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม การส่งสัญญาณดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่เตรียมปรับราคา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน
เรื่องนี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้เหตุผลว่าการปรับราคาดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้ช่องว่างระหว่างราคาในประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านน้อยลงป้องกันการลักลอบส่งออก โดยราคาก๊าซหุงต้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นนั้น จากราคาปัจจุบัน 318 บาท ต่อถัง 15 กิโลกรัมเพิ่มขึ้นถังละ 15 บาท เป็นถังละ 333 บาท โดยราคาดังกล่าว ยังไม่ได้สะท้อนต้นทุนราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกทั้งหมด เพราะหากให้เป็นไปตามโครงสร้างแล้ว ราคาก๊าซที่ถังละ 318 บาท ราคา LPG ในตลาดโลก อยู่ที่ตันละ 400 เหรียญสหรัฐ แต่เวลานี้ราคา LPG ในตลาดโลกพุ่งสูงถึงกว่า 900 เหรียญสหรัฐ คำนวณแล้วราคาก๊าซหุงต้มจะต้องอยู่ที่ถังละ 463 บาท
ขณะที่ความเห็นของนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย มองว่า เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหาร ถึงแม้ว่าต้นทุนของก๊าซหุงต้มจะไม่ได้เป็นต้นทุนที่สูงเหมือนต้นทุนวัตถุดิบ แต่ในช่วงที่สถานการณ์การค้ายังคงไม่ฟื้นตัว ผู้ประกอบการควรมีทางเลือกที่มากขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินผลกระทบจากวิกฤตรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการตอบโต้ของประเทศที่เกี่ยวข้อง สร้างผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากระดับราคาพลังงาน ดังนั้นจึงเห็นว่าภาครัฐจำเป็นต้องดูแลราคาพลังงานที่จะไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยเห็นว่าควรจะตรึงราคาดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร การคงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.65) รวมถึงราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) เพื่อดูแลค่าครองชีพประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่บรรยากาศการเมืองอยู่ในภาวะอึมครึม รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอช เผชิญกับแรงเสียดทานของหลายฝ่าย โดยเฉพาะระเบิดเวลาทั้งประเด็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนพฤษภาคม ห้วงเวลาเดือนมีนาคม-เมษายน จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ด้วยแม้จะสามารถผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือกับดักทางการเมืองอื่นไปได้ฉลุย แต่ปัญหาปากท้องอาจทำลายแรงศัรทธาของพี่น้องประชาชน ที่เปรียบเหมือนผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้รัฐบาลพักพิง การผลักดันมาตรการออกมารองรับสถานการณ์ เช่น โครงการคนละครึ่ง หรือเราชนะมาช่วยเสริมความแกร่งของผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เร็วขึ้นอาจช่วยลดแรงกระแทกจากคลื่นความไม่พอใจของพี่น้องประชาชน