ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนของ สวนดุสิตโพล พบว่า วิกฤติเศรษฐกิจ ณ วันนี้ ทำให้ประชาชนต้องประหยัดและวางแผนการใช้จ่ายมากขึ้น ร้อยละ 62.76 โดยมองว่ามาตรการต่าง ๆ ของรัฐ เช่น คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ฯลฯ ช่วยลดภาระได้บ้างร้อยละ 63.21 ขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจส่งผลให้มีความเครียดในระดับมาก ร้อยละ 65.23
สำหรับวิกฤติเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนรู้สึกเครียดมากขึ้นนั้น พบมากในกลุ่มอายุ 30 - 39 ปี ที่มีความเครียดสูงกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ รองลงมาคือกลุ่มอายุ 40 - 49 ปี ซึ่งกลุ่มนี้เป็นวัยทำงานเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว ถึงแม้จะมีมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลแต่ก็เป็นเพียงการช่วยรักษาระดับการใช้จ่ายในระยะสั้น ๆ เท่านั้น
โพลยังระบุว่าสิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการคือควบคุมราคาสินค้า ลดค่าครองชีพ ร้อยละ 89.90 ปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ อาจยุบสภา ร้อยละ 78.82 จากข่าว "ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่" น่าจะเป็นไปได้ ร้อยละ 59.88 และหากได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ประชาชนคิดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้น ร้อยละ 52.19
ในขณะที่รัฐบาล ได้ปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลลง3 บาทนั้น เป็นการช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ในส่วนของค่าขนส่งสินค้า แต่ภาคเอกชนมองว่าเป็นการเพียงการชะลอการปรับราคาได้ในช่วงสั้นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการมีแผนที่จะปรับราคาขึ้นอยู่แล้ว จากต้นทุนแฝงอื่นๆ และเป็นไปไม่ได้ที่จะปรับลดราคาลง
ในขณะเดียวกัน ในช่วง 3 เดือนนี้ยังต้องติดตามปัจจัยภายนอกด้วย เช่น สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน เนื่องจากหากมีการทำสงครามกันก็จะส่งผลต่อราคาน้ำมัน ในขณะเดียวกัน หากสถานการณ์คลี่คลาย และลดแรงกดดันลงก็จะส่งผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวลดลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การลดภาษีน้ำมันจะมีผลต่อการจัดเก็บรายได้ของประเทศหรือไม่ เรื่องนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการลดภาษีส่งผลให้รายได้ภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจ และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มขยายตัวได้ดีขึ้นแล้ว ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ ยอดการจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลังก็จะเพิ่มขึ้นตามมา
ขณะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2565 นั้น ก็ต้องมีการประเมินทั้งปีว่าเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวได้แล้ว ทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น รายได้การจัดเก็บภาษีก็จะเพิ่มตาม แต่จะเพิ่มมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจ จากที่คาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตได้ 4% ต่อปีนั้น การจัดเก็บภาษีก็คาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะนี้ยังประเมินว่ายังอยู่ในวิสัย
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่ารัฐบาลจะต้องเตรียมแผนและมาตรการอื่นๆของรัฐ ออกมาเพื่อเตรียมรับมือกับการปรับราคาสินค้า การช่วยเหลือค่าครองชีพในอนาคต