ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร

สถานการณ์การเมืองไทยที่อยู่ในบรรยากาศอึมครึมมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา จากวิกฤติปัญหาสินค้าราคาแพงที่สร้างแรงเสียดทานให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาถึงปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ส่งผลกระทบทำให้กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกขับออกจากพรรคอย่างกระทันหัน หรืออีกนัยหนึ่งแยกตัวออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ คือพรรคเศรษฐกิจไทย ที่แม้จะมีความพยายามการันตีว่าพรรคการเมืองใหม่นี้ จะเป็นพรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาลในทิศทางเดียวกันก็ตาม แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ ทำให้ล่าสุด มีกลุ่มคนที่ทำงานใกล้ชิดกับพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่กับพรรคการเมืองใหม่ คือพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นพรรคสำรองของพรรคพลังประชารัฐ และสร้างอำนาจต่อรองทางการเมือง ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องรักษาความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังถูกกดดันให้มีการกำหนดวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ชัดเจนออกมา ด้วยทางพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีตัวแคนดิเดตว่าผู้สมัคร และผลกระทบจากผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร ที่อาจส่งผลให้พยายามประวิงเวลาออกไป ซึ่งทำให้แกนนำรัฐบาลโดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถือโอกาสประกาศไทม์ไลน์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในที่ประชุมวุฒิสภา แต่ในขณะที่สถานการณ์การเมืองในสภาฯ ก็มีปัญหาสภาล่ม ที่มีการกรณีความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่มีการไม่ปฏิบัติตามมติพรรคร่วมฝ่ายค้านในการไม่อยู่เป็นองค์ประชุมกันขึ้น จะว่าไปแล้ว พรรคก้าวไกล ขบเหลี่ยมปีนเกลียวกันมาตลอด และมีความหวาดระแวงแคลงใจปรากฎมาตั้งแต่ครั้ง การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลรอบที่แล้ว และในศึกเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. ที่ขตหลักสี่ –จตุจักร ที่ผ่านมา แม้พรรคเพื่อไทยจะกลับมาล้างตาช่วงชิงเก้าอี้มาจากพรรคพลังประชารัฐได้ แต่ก็มองเห็นว่าพรรคก้าวไกล เป็นคู่แข่งที่หทายใจรดต้นคอ สภาพความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะในพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน วันนี้แม้ยังไม่อาจบอกได้ว่า ใครเป็นมิตร และใครเป็นศัตรูเพราะการขับเคลื่อนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในฉากหน้านี้ จะถึงขั้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันหรือไม่ อาจต้องดูกันไปยาวๆ โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้ง จะเห็นได้ชัด ที่สุดท้ายแล้ว กระบวนการที่แตกยับของในแต่ละขั้วค่าย สุดท้ายอาจต้องร่วมเดินทางเดียวกัน ภายใต้ข้อตกลงที่ลงตัว