จังหวะรุกไล่ของ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ดูจะไม่เป็นใจมากนัก เมื่อพบว่านาทีนี้ ฝ่ายรัฐบาล พลิกสถานการณ์ กลับมาเป็นฝ่ายยึดกุมพื้นที่สื่อได้โดยปริยาย ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ศึกซักฟอก กำลังจะเริ่มขึ้น !
ตามกรอบเวลาที่วางเอาไว้ ในสัปดาห์หน้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยไม่มีการออกเสียงลงมติ ตามมาตรา 152 ระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ.65 โดยที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้เวลาในการอภิปรายทั้งสิ้น 22 ชั่วโมง เรียงลำดับ ขุนพล จากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติและพรรคพลังปวงชนไทย เปิดเกมในวันแรก จากนั้นให้พรรคร่วมฝ่ายค้านไปบริหารจัดการ จัดสรรเวลากันเอง
ขณะที่ฟากรัฐบาลเอง แม้ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเที่ยวนี้ จะไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 เหมือนกับเป็นการเปิดเวทีเพื่อให้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ถล่มกันเปล่าๆ ความสุ่มเสี่ยงยังไม่เท่ากับการเผชิญหน้ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่ฝ่ายค้านเตรียมล็อคคิวเอาในสมัยประชุมสภาฯ รอบหน้าในเดือนพ.ค.ก็ตาม
แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตลอดจน รัฐมนตรี จากพรรคร่วมรัฐบาล จะใจกว้าง ยอมให้ฝ่ายค้านใช้สภาฯ โจมตีกันฝ่ายเดียวในทางตรงข้าม งานนี้ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่เข้าข่ายว่าจะโดนซักฟอก ยังหวังที่จะใช้เวทีสภาฯแห่งนี้เพื่อ เรียกคะแนน กลับคืนด้วยเช่นกัน
ดังนั้นหมายความว่า การตั้งรับเพื่อรอให้ พรรคฝ่ายค้าน เปิดแผลรัฐบาลข้างเดียว คงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยล่าสุดโฆษกรัฐบาล ได้เรียกประชุมโฆษกกระทรวงที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ก.พ.65 ที่ผ่านมา สาระสำคัญอยู่ที่การเน้นย้ำให้โฆษกแต่ละกระทรวงเตรียมข้อมูลผลงานของรัฐบาลที่มีมาสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ตามยุทธศาสตร์การทำงานเชิงรุก ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้ รวมไปถึงการทำงานในเชิงรุกสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้กับประชาชน
ขณะที่ก่อนหน้านี้ในที่ประชุมครม.นายกฯได้ย้ำให้รัฐมนตรี เตรียมตัวรับมือกับการอภิปรายฯในช่วงปลายเดือนนี้ และไม่ได้แสดงความกังวลใด ๆ
อย่างไรก็ดี ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน เองยังต้องเร่งแก้ไขปัญหา ศึกใน ที่เปิดศึก เปิดวิวาทะข้ามพรรคกันเอง ระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับ พรรคก้าวไกล เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว โอกาสที่พรรคฝ่ายค้านจะติดหล่ม ติดกับดักทางการเมืองของตัวเอง จะยิ่งเป็นไปได้สูง
ยิ่งในเวลานี้ฝ่ายรัฐบาล แม้จะมองภายนอกเหมือนกับคนที่ คุมสภาพไม่อยู่ เพราะพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล เกิดปัญหา เลือดไหล ออกไปไม่หยุด ส.ส.ในกลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พากันออกจากพรรคแล้วไปตั้งป้อมค่ายใหม่ในนาม พรรคเศรษฐกิจไทย ส่วนกลุ่มการเมืองฝ่ายหนุนพล.อ.ประยุทธ์ อย่างเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ยังลาออกจากพรรคแล้วไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อเป็น นั่งร้าน รอบิ๊กตู่
แต่ทั้งหลาย ทั้งปวง ไม่ว่าพรรคแกนนำรัฐบาล จะดูอ่อนล้า แค่ไหน แต่จนถึงวันนี้อำนาจเด็ดขาดตัดสินใจลาออกหรือยุบสภาฯ ยังอยู่ในมือพล.อ.ประยุทธ์ ฝ่ายค้าน จึงทำให้แค่เพียง ลุ้น ได้เท่านั้น !