สำนักข่าวต่างประเทศ อ้างรายงานองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ระบุว่าตลาดแรงงานโลกจะใช้เวลาในการฟื้นตัวมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยการว่างงานจะยังคงอยู่เหนือระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด ไปจนถึงอย่างน้อยในปี 2566 เนื่องจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลาของโรคระบาด โดยประมาณการณ์ว่า การจ้างงานจะลดลงราว 52 ล้านตำแหน่งในปี 2565 เมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2 เท่าจากตัวเลขประมาณการณ์ครั้งก่อนในเดือนมิ.ย. 2564 ทั้งนี้รายงานแนวโน้มการจ้างงานและสังคมโลกประจำปี 2565 ชี้ว่า ภาวะชะงักงันจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2566 โดยตำแหน่งงานจะลดลงราว 27 ล้านตำแหน่ง และเตือนว่าการฟื้นตัวจะล่าช้าและไม่แน่นอน ที่สำคัญ ILO คาดว่า จะมีประชากรราว 207 ล้านคนตกงานในปีนี้ ขณะที่รายงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ระบุว่าในสังคมไทยในช่วงไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ปี 2564 ว่า ตลาดแรงงานได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีผู้ว่างงานสูงที่สุดถึง 870,000 คนนับตั้งแต่มีโควิด-19 คิดเป็นอัตราการว่างงาน 2.25% ของจำนวนผู้มีงานทำ สูงกว่าช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 52 ที่มีผู้ว่างงาน 2.08% แต่ต่ำกว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 41 ที่ว่างงาน 4.37% โดยในจำนวนผู้ว่างงาน 870,000 คน เป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 580,000 คน เพิ่ม 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นเด็กจบใหม่ 290,000 คน เพิ่มขึ้น 10% ทางด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่ากระทรวงแรงงานเตรียมตำแหน่งงานไว้แล้ว 222,871 อัตราจากทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต ก่อสร้าง อุปกรณ์การแพทย์ แต่ภายหลังจากเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทิศทางการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยว การบริการและโรงแรม รวมทั้งภาคความบันเทิงจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งทั้งคนหางานที่ต้องการสมัครงาน และนายจ้างที่ต้องการประกาศรับสมัครงาน สามารถใช้บริการจัดหางานออนไลน์กับกระทรวงแรงงานได้ที่เว็บไซต์ ไทยมีงานทำ.doe.go.th หรือ Application “ไทยมีงานทำ” ที่รวบรวมตำแหน่งงานไว้มากที่สุด และพร้อมให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564 มีผู้สมัครงานมาใช้บริการ จำนวน 396,275 คน บรรจุงานแล้ว 283,202 คน และยังมีตำแหน่งงานว่างรองรับคนหางานอีก 222,871 อัตรา อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่านอกจากการเตรียมตำแหน่งงานรองรับการว่างงานแล้ว สิ่งสำคัญคือการที่รัฐบาลผลักดันมาตรการช่วยเหลือและเยียวยา ผ่านมาตรการทางด้านการเงินเพื่อให้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจและแก้ปัญหาการว่างงาน