การเลือกตั้งซ่อมทั้ง2เขต ทั้ง เขต 1 ชุมพร และเขต6 สงขลา ปิดฉากลงไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค.65 ที่ผ่านมา แม้ในสนามเลือกตั้งซ่อม 2 เขตนี้จะมีผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นที่ส่งตัวลงชิงเก้าอี้ส.ส. แต่ดูเหมือนว่า คู่ต่อสู้หลัก จะมีน้ำหนักอยู่ที่การห้ำหั่นกันระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ รอบนี้ รวมกันแสดงพลัง ประสานมือกันตั้งแต่ระดับ หัวหน้าพรรค คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นำทัพใหญ่จากส่วนกลาง ลงไปผนึกกำลังกับ ฐานที่มั่น ในระดับจังหวัด ทั้งที่ชุมพร และสงขลา ปะทะเดือดกับ บิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีมือขวาอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เป็นตัวหลักในการเคลื่อนไหวทำฐานเสียงในพื้นที่ ด้วยมองเห็นโอกาส ทางการเมืองในพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเป็น พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองก็ตาม ทั้งนี้ไม่ว่าไพ่การเมือง จากศึกเลือกตั้งสนามชุมพรและสงขลา จะออกมามุมไหนก็ตาม พรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคประชาธิปัตย์ จะกวาดที่นั่งทั้ง 2 เก้าอี้ หรือต่างฝ่าย ต่างเสมอกัน ได้เก้าอี้ส.ส.กันไปคนละ 1ที่นั่ง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า โอกาสที่สองพรรคใหญ่ จะมองหน้ากันได้อย่างสนิทใจ คงเป็นไปได้ยาก ! เมื่อในการหาเสียง ขึ้นเวทีปราศรัยของ เบอร์ใหญ่ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐในช่วงโค้งสุดท้ายที่ผ่านมา ต่างซัดกัน ดุเดือด เสมือนว่าไม่มีใครต้อง ไว้ไมตรี กันอีกต่อไป ประเด็นความสำเร็จจากการดำเนินนโยบายรัฐบาล กลายเป็น ความขัดแย้ง ที่ทำให้แกนนำของสองพรรคหันมาเปิดศึกขยายแผลกันต่อนอกเวทีปราศรัย นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ที่ต้องจับตา ซึ่งเป็นนัยยะทางการเมืองที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้ผลแพ้-ชนะการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2สนาม รอบนี้นั่นคือการสะท้อนความแข็งแกร่ง ฐานเสียง ของ ถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา และ ชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ประชาธิปัตย์ เตรียมวางแผนการเล่น ก่อนถึงวันเปิดสนามเลือกตั้งครั้งใหญ่ !