เปิดรับศักราชใหม่ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน จนทำให้ปีเสือปีนี้ ดุเดือดกันตั้งแต่ต้นปี ! ลำพังความวุ่นวายทางการเมืองที่ ฝ่ายค้าน ตั้งแท่นเตรียมใช้กลไกนิติบัญญัติ ตรวจสอบ ซักฟอกรัฐบาล แม้จะไม่มีการโหวตลงคะแนน ผ่านการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ก็ตาม
แต่ในจังหวะที่รัฐบาล กำลังรับมือกับการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด สายพันธุ์ใหม่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะนั่นหมายความว่ารัฐบาลกำลังรับศึกสองทาง
การประชุมครม.เมื่อวันที่ 4 ม.ค.65 ที่ผ่านมา บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยครม.ทั้งคณะ ต้องกลับมาใช้รูปแบบการประชุมแบบวีดีโอ คอนเฟอร์เร้นท์เต็มรูปแบบ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 อีกทั้งยังเป็นการทำตามมาตรการของศบค.
ในตอนหนึ่งระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ให้กำลังใจพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้เริ่มการทำงานในปี 2565 ทันที โดยขอให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เร่งสร้างผลสำเร็จให้มากที่สุด พร้อมกล่าวขอบคุณหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกันแก้ปัญหามากว่า 2 ปี และกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 3 ที่สำคัญคือการทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจเพื่อการทำงานในสมัยหน้าต่อไป
ข้อความที่นายกฯส่งผ่านมาครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงความขอบคุณแล้ว ในอีกด้านหนึ่ง ยังน่าสนใจว่าแม้ในสนามเลือกตั้งซ่อม พรรคร่วมรัฐบาลจะฟาดฟันเอง โดยไม่ไว้ไมตรี แต่มืออีกข้างหนึ่ง จำต้องจับกันเองเอาไว้ให้มั่น !
ศึกเลือกตั้งซ่อมทั้ง3เขต ที่ เขต 1 ชุมพร , เขต 6 สงขลา และเขต 9 กทม. ล้วนแล้วแต่เป็นสนามเลือกตั้งที่เปราะบางและนำไปสู่ข้อข้อแย้งมาแล้วทั้งสิ้นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเมื่อ พรรคพลังประชารัฐ ไม่หลีกทางให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเป็น แชมป์เก่า แต่ถึงกระนั้น โอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเดินไปถึงขั้น แตกหัก คงยังไม่เกิดขึ้น
แม้กระแสของพรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประยุทธ์ จะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในยามนี้ เนื่องจากทุกพรรคร่วมรัฐบาล ต่างรู้ดีว่า ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะต้องประคับประคอง เรือเหล็ก ลำนี้ไปจนกว่าจะใกล้ถึงฝั่ง ใกล้ถึงวันยุบสภาฯ
ดังนั้น นี่จึงเป็นช่วงเวลาของการสร้างผลงาน สำหรับทุกพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อตุนคะแนน สร้างความพร้อม เตรียมสะสมเสบียงเอาไว้ก่อนวันเลือกตั้ง แม้ในระดับพื้นที่ของแต่ละภาค พรรคร่วมรัฐบาลจะเริ่ม ยิงกระสุน ทำพื้นที่ บุกเข้าไปในฝั่งของพรรครัฐบาลด้วยกันเอง
ชนิดที่เรียกว่า ไม่มีการยั้งมือ กันแล้วก็ตาม ทั้งจ่ายจริง จ่ายหนัก หวังทำแต้มส.ส.ในสนามเลือกตั้งรอบหน้า เพื่อสะสม อำนาจต่อรองให้สูงมากขึ้นเมื่อต่างต้องกลับมากอดคอร่วมกันตั้งรัฐบาล อีกครั้ง !