ในต่างประเทศอย่างเยอรมนีที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้น ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนทั่วประเทศฉีดวัคซีน ในขณะเดียวกันประชาชนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะถูกห้ามไม่ให้เข้าสถานประกอบการที่จำเป็นต่างๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยา เพื่อยับยั้งการระบาด นอกจากนี้ยังจำกัดให้ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนสามารถพบปะคนจากครอบครัวอื่นได้เพียง 2 คนเท่านั้น ขณะเดียวกัน พื้นที่ใดมีผู้ติดเชื้อเกิน 350 คนต่อประชากร 100,000 คน บาร์และไนต์คลับจะถูกปิดเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ส่วนการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ เช่น การแข่งขันฟุตบอล จะมีการจำกัดจำนวนผู้ชมในสนาม สำหรับประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 16 พ.ย. รวม 659,381 โดส ยังมีผู้ไม่เคยได้รับวัคซีนอีก 11 ล้านคนโดยจบเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พลาดเป้าหมายในการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ได้ 70% ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค.มีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาฉีดวัคซีนมากขึ้น โดยอาจพิจารณาเรื่องการแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในที่สาธารณะ เพื่อความปลอดภัยและถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงอาจเพิ่มมาตรการจูงใจต่างๆ อีกด้านหนึ่ง กรมสุขภาพจิต พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยผลการศึกษากลุ่มที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนที่ผ่านมาจากกลุ่มประชากรกว่า 1,000 คน พบว่าปัจจัยที่สร้างความจูงใจให้คนฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีน มี 3 ช ก็คือ เชื่อมั่น ชะล่าใจ และช่องทาง ในเรื่องของความเชื่อมั่นในวัคซีน กลุ่ม 608 คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ กว่า 53 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มที่ไม่เชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย ผลข้างเคียง และสูตรวัคซีน มากกว่ากลุ่มประชาชนทั่วไป และตัวเลขที่น่าตกใจ พบว่ามีมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าที่ตัวเองไม่ฉีดวัคซีน เกิดจากความชะล่าใจ โดยคิดว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง และคิดว่าไม่ติดโรค ทั้งที่จังหวัดที่อาศัยอยู่มีการระบาดถึง 51 เปอร์เซ็นต์ และมีคนที่รู้จักติดโควิดไปแล้วด้วย ส่วน ช ที่ 3 คือ ช่องทางการฉีดวัคซีน ที่เข้าถึงยาก เป็นเรื่องที่ทาง กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการปรับปรุงในเชิงรุกมาโดยตลอด เพื่อให้ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข กำลังเร่งสร้างความเชื่อมั่น และเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้อง เช่น ให้เลือกฉีดวัคซีนได้ เพื่อให้มีตัวเลือกเป็นของตัวเอง จึงขอเชิญชวนทุกคนอย่าชะล่าใจ โดยครอบครัวควรสร้างแรงจูงใจแก่กันและกันในการฉีดวัคซีนตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เราเห็นว่า วัคซีนยังเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้กับโควิด ร่วมกับมาตรการป้องกันตนเองต่างๆ วันนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องผลักดันมาตรการเพื่อผลักดันให้คนไทยฉีดวัคซีน 100 % จึงถึงเวลาที่ต้องเลือกล็อกดาวน์คนฉีดวัคซีนหรือจะล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง