ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ฟากฝั่ง "พรรคประชาธิปัตย์" มีความคึกคักและเข้มข้นอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏว่าทุกแนวรบในทางการเมือง ไม่เพียงแต่มีสีสัน เท่านั้น หากแต่ยังมีทั้ง "อุปสรรค" และ "โอกาส" ในคราวเดียวกัน! "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คือขุนพลที่ต้องถือเดิมพันเอาไว้ในทุกสนามเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกทม.ที่พรรคเพิ่งเปิดตัว "ดร.เอ้" สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ สวมเสื้อพรรค เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯกทม." อย่างยิ่งใหญ่ อลังการ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64ที่ผ่านมา จนทำให้ พรรคประชาธิปัตย์กลับมาอยู่ในจุดโฟกัสอีกครั้ง เพราะว่าที่ผู้สมัครที่ชื่อ สุชัชวีร์ คนนี้มีคุณสมบัติที่สูสี กับ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ว่าที่ผู้สมัคร ในนามอิสระ ที่ประกาศตัวนำร่องไปตั้งแต่ปี 2562 แต่ยังปรากฎว่าโพลแทบทุกสำนัก ต่างยกให้ชัชชาติ อดีตรมว.คมนาคม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าวิน "ยืนหนึ่ง" แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศตัว ชู สุชัชวีร์ อดีตอธิการบดีสจล. คนหนุ่ม ฟอร์มสด มีผลงานด้านวิศวกรรมโครงการขนาดใหญ่เป็นเครื่องการันตีความพร้อม สำหรับการเข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รถติด ให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จึงทำให้ กระแสของประชาธิปัตย์ พลิกกลับมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจทันที แม้วันนี้ประชาธิปัตย์จะไม่มีส.ส.กทม.เลยสักที่นั่งเดียว ขณะที่สนามกทม. กำลังคึกคัก แต่พบว่า "ศึกเลือกตั้งซ่อม" ใน 2 เขต 2จังหวัดในภาคใต้ กำลังเกิดจุดอ่อนและช่องโหว่ ซึ่งมาจาก "ปัญหาภายใน" จากความขัดแย้งภายในพรรคด้วยกันเอง และยังผสมโรงด้วยปัจจัยภายนอก เมื่อ "พรรคพลังประชารัฐ" เตรียมดึงกลุ่มการเมืองของพรรคเข้าไปสังกัดในการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนพื้นที่ เลือกตั้งซ่อม เขต 6 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง "สุภาพร กำเนิดผล" รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา รักษาแชมป์แทน "ถาวร เสนเนียม" อดีตส.ส.สงขลา ที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่ปัญหากลับไปอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐที่แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ก็กลับไม่ยอม "ถอย" แต่ยังเลือกส่ง "อนุกูล พฤกษานุศักดิ์" ทายาทของ "อนันต์ พฤกษานุศักดิ์" กรรมการบริหาร บจก.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นหัวคะแนนของถาวร ทำให้เกิดความกังวลว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์จะสู้ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ได้หรือไม่ ยิ่งมีรายงานข่าวว่า ลึกๆแล้วเกิดความบาดหมางกันระหว่างถาวร กับแกนนำในพรรค ขณะที่เลือกตั้งซ่อม ที่ 1 จ.ชุมพร ก็มีรายงานสะพัดมาก่อนหน้านี้ว่า "ลูกหมี"ชุมพล จุลใส อดีต ส.ส. ชุมพร คนนี้เตรียมย้ายสังกัด ไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ มีมติส่ง อิสรพงษ์ มากอำไพ ซึ่งเป็นเลขาฯของลูกหมี จึงทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนห่วงว่า ถ้าอย่างนั้นการต่อสู้กับพรรคพลังประชารัฐที่ส่ง ชวลิต อาจหาญ มาลงสมัคร ครั้งนี้จะไม่มีการ "ฮั้ว" กันเอง จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ กระเทือนตั้งแต่ยังไม่ถึงวันเลือกตั้งซ่อมในกลางเดือนม.ค.65 หรือไม่ ? ดังนั้น เท่ากับว่าแนวรบ ทั้งกทม.และภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ในมือของหัวหน้าจุรินทร์ จึงขยับได้ ไม่ง่ายดายนัก !