การเปิดตัว "ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม." ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงตัว ส่ง "ดร.เอ้" สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เข้าชิงเก้าอี้ ต้องถือว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนไม่น้อย ยิ่งเมื่อมีข่าวสะพัดว่า จนถึงวันนี้พรรคพลังประชารัฐ ก็ยังไร้ "ตัวแทน" ไม่สามารถหาผู้สมัครสวมเสื้อพรรคลงสนามได้ แต่สำหรับ "พรรคเพื่อไทย" ล่าสุดกลับแถลงข่าวออกมาอย่างเป็นทางการ โดย "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรค ระบุว่า พรรคจะไม่ส่งตัวแทน ในการแข่งขันผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากต้องการส่งเสริมคนที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง "ขณะนี้มีเสมือนตัวแทนฝ่ายประชาธิปไตยที่อาสาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อยู่แล้ว ก็ตรงกับเจตนารมณ์ของเรา ในการส่งเสริมฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าตัดสินใจส่งผู้สมัครในนามของพรรค วัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งอาจจะมีปัญหาในการตัดคะแนนกัน ส่วนสนามส.ก. จะส่งผู้สมัครในนามของพรรค ทุกเขต" การประกาศท่าทีทิศทาง ทางการเมืองในสนามกทม. ของพรรคเพื่อไทยเช่นนี้ ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ผิดแผกแปลกไปจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ว่าสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. รอบนี้ พรรคเพื่อไทยจะไม่มีส่งตัวแทนสวมเสื้อพรรคลง เพราะรู้ดีว่า "กระแสทักษิณ" นั้นขายไม่ได้ในสนามการเมืองแห่งนี้ ยิ่งเมื่อมองกลับไปจะพบว่า ยังไม่เคยมีผู้สมัครในนามพรรคหรือมีความเชื่อมโยงกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ฝ่าด่านเข้ามานั่งเป็น "ผู้ว่าฯ กทม." ได้เลยสักครั้ง ! และอย่าลืมว่าชื่อของ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตแดนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ประกาศตัว ขอลงสมัครในนามอิสระ ขอรับใช้คนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2562 และจนถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า กระแสของชัชชาติก็ยังแรง แซงหน้าว่าที่ผู้สมัครรายอื่น ที่เคยถูกโยนชื่อลงมา ดังนั้นการที่มีชัชชาติ ยืนเด่นอยู่กลางสนามกทม. รอเริ่มนับหนึ่งหาเสียงรอบใหม่ เมื่อภายหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวสุชัชวีร์ เท่ากับว่าเวลานี้ตัวเต็ง ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ที่พอฟัดพอเหวี่ยง อยู่สองคนคือ ชัชชาติ กับ สุชัชวีร์ นอกจากพรรคเพื่อไทย จะไม่เลือกเล่นในเกมที่รู้ดีว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังเลือกที่จะเปิดเกมรุกด้วยการทุ่มสรรพกำลังไปที่การเลือกตั้ง ส.ส.เขต เพราะรู้ดีว่า "บัตร 2 ใบ" นั้นคือหนทางชนะที่ชัดเจน และจับต้องได้ ! การตัดสินใจของ "บิ๊กเนม" ระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เคยลาออกทั้ง จาตุรนต์ ฉายแสง ,วุฒิพงษ์ ฉายแสง และฐิติมา ฉายแสง เศกสิทธิ์ ไวยนิยมพงศ์ พร้อมคณะเดินทางเข้ามาสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึง สามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่กลับมาร่วมงานกลับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง หลังจากไปร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา แม้ว่าลึกๆแล้วกำลังมีการตั้งข้อสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง จนทำให้อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ต้องออกจากพรรคไทยสร้างไทยแล้วกลับมารังเก่าก็ตาม แต่ที่แน่ๆปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือการเปิดเกม แก้ปัญหา "เลือดไหล" ของพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ไปถึงขั้น "แพแตก" เมื่อใกล้เลือกตั้ง !