ภายหลังมีรายชื่อนักการเมืองและอดีตข้าราชการระดับสูง ที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ 2564 รอบ 2 ดังนี้ ประกอบด้วย 1.นายภูมิ สาระผล อายุ 65 ปี เป็นนักโทษ ชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 36 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 12 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 8 ปี จะพ้นโทษ 25 ส.ค. 2568 2.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อายุ 61 ปี เป็นนักโทษ ชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เม.ย. 2571 จากคดีโครงการจำนำข้าว ยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 3.นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อายุ 69 ปี เป็นนักโทษ ชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 40 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 8 ปี จะพ้นโทษ 11 ก.ค.2569 ทั้ง 3 รายจำคุกมาแล้ว 4 ปี 3 เดือน 14 วัน 4.นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยงอายุ 64 ปี นักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษาปี 2561 กำหนดโทษ48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบแรกเหลือโทษจำคุก 9 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบสอง เหลือโทษจำคุก 6 ปี 3 เดือน 26 วัน พ้นโทษ 26 ธ.ค.2566 5.นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ อายุ 75 ปี นักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษาปี 2560 กำหนดโทษ 50 ปี ได้รับอภัยโทษปี 2564 ในรอบแรกเหลือโทษจำคุก 17 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบสอง เหลือโทษจำคุก 9 ปี 5 เดือน 24 วัน พ้นโทษ 16 ก.ย. 2569 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ออกแถลงการณ์เรื่อง คัดค้านการลดหย่อนผ่อนโทษให้กับผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชั่น โดนตั้งข้อสังเกตว่า ในการพระราชทานอภัยโทษฯ เมื่อปี พ.ศ. 2559 ได้ยึดหลักว่า จะไม่พิจารณาลดหย่อนผ่อนโทษให้กับคดีคอร์รัปชั่น คดีข่มขืนและคดียาเสพติด ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ได้ทำกันมาอยู่แล้ว ตามที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรีและอดีต รมว.ยุติธรรม ได้เคยกล่าวไว้ จึงขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณานำหลักเกณฑ์การอภัยโทษ พ.ศ.2559 มาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด และกำหนดหลักเกณฑ์อย่างชัดเจนในกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการให้อภัยโทษ การลดหย่อนผ่อนโทษ และการพักโทษนั้นจะสามารถกระทำได้ภายใต้เงื่อนไขใด เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยอมรับว่ากำลังทบทวนกรณีการลดโทษผู้ต้องขัง เนื่องจากต้องศึกษารายละเอียดหลายเรื่อง เช่น กฎระเบียบของกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ อีกเรื่องคือพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งต้องพิจารณาความเหมาะสมข้อกำหนดในการคัดกรอง โดยยืนยันว่าต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ดีที่สุด อย่าเพิ่งให้เกิดปัญหา เกิดความวุ่นวายขึ้นเลยในตอนนี้ ทุกอย่างมันมีกฏระเบียบทั้งสิ้น “ผมก็เอามาศึกษาหลายตัวด้วยกัน มีทั้งนักโทษชั้นดี นักโทษชั้นเยี่ยม ลดเท่าไหร่ เท่านั้น เท่านี้ ปีนึงก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่าถ้ามีนิรโทษแล้วจะให้กี่ครั้ง ไม่ได้เขียนตรงนี้ไว้เลย ก็ต้องมาทบทวนใหม่ทั้งหมด สถานการณ์มันเปลี่ยนแล้วใช่ไหม กฎหมายคือสิ่งสำคัญ” กระนั้น เราเห็นว่าหากมีการสังคยานาหลักเกณฑ์ในการคัดกรองผู้ต้องขังที่เป็นระบบชัดเจน และมีความเป็นธรรม น่าจะเป็นโอกาสในการแก้ไขปัญหาสังคม และวิกฤติการเมืองที่สั่งสมมานาน ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดถ้วนหน้า ความหวังอยู่ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ทำ แล้วใครจะทำ