ทีมข่าวคิดลึก
มติจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ถอดถอน "บิ๊กโอ๋"พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง"สนามไชย 1" กรณีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการในการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล สำนักปลัดกลาโหม ตามมาตรา 6 วรรคสองของ รธน. (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบ รธน.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยที่ประชุม สนช. มีมติถอดถอนด้วยคะแนน 159 ต่อ 27 คะแนน
สำหรับ "บิ๊กโอ๋" พล.อ.อ.สุกำพลแล้ว เจ้าตัวบอกเลยว่า "ไม่สนใจ ไม่แคร์" แม้ว่าจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ก็ตาม พร้อมให้เหตุผลว่า"ผมไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ ไม่คิดจะลงสมัคร ส.ส. ส่วนอนาคตจะเล่นการเมืองต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต แต่สิ่งที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าเหตุผลของผมทำให้มีปัญหาประเด็นปลัดกระทรวงกลาโหมไม่ได้ขึ้นตรงกับ รมว.กลาโหม นั้นคำนี้ออกมาจากปากของป.ป.ช. แล้ว ผมมองว่ามันไม่เข้าท่า แต่ตอนนี้ก็ไม่อยากว่าอะไร ให้เป็นเรื่องของเขาไป ยืนยันว่าการทำงานครั้งนี้สอดรับกันหมด ผมอยู่เฉยๆ มานานแล้ว อยากให้ผมออกก็ออก ไม่มีปัญหาอะไร" (16 ก.ย.2559)ทว่า สำหรับคนของพรรคเพื่อไทยแล้ว ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการถอดถอน "บิ๊กโอ๋" อดีตแกนนำระดับคีย์แมนของพรรคเพื่อไทย เช่นนี้ กำลัง เป็นการส่ง "สัญญาณอันตราย" พุ่งตรงมาที่ขั้วอำนาจ "ทักษิณ ชินวัตร"โดยตรง
เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้บรรดาอดีตแกนนำของพรรคล้วนแล้วแต่เผชิญหน้ากับคดีความกันทั้งสิ้นมิหนำซ้ำคิวสำคัญที่อยู่ในจุดโฟกัสมากกว่าใครเพื่อนไม่พ้น "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ที่บัดนี้มีความคืบหน้าคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่เธอเองตกเป็นจำเลย ในทางคดีอาญากำลังงวดเข้ามาทุกขณะ อีกทั้งกระบวนการความผิดในทางแพ่ง ที่มีการเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ได้ทยอยเปิดหน้ารุกเข้ามาในทุกทิศทุกทาง โดยเฉพาะการรุกไล่ที่ว่าด้วยการยึดทรัพย์
ความหวั่นไหวของคนในพรรคเพื่อไทย ได้ถูกสะท้อนผ่านเสียงวิพากษ์วิจารณ์จาก "แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ" หรือนปช. ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กำลังคิดที่จะ "ล้างบาง" พรรคเพื่อไทย เพื่อหวังชัยชนะในเกมยาว
จนทำให้ "พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกรัฐบาล ออกมาตอบโต้ทันทีว่า "บุคคลใดจะต้องโทษ ถูกดำเนินคดี ถอดถอน ยึดทรัพย์ จำคุก ก็ล้วนเป็นไปตามเหตุแห่งกรรมที่ได้กระทำขึ้นทั้งสิ้น รัฐบาลมีหน้าที่เพียงบังคับใช้กฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่ควรจะเป็น ขณะที่ผู้สุจริตประพฤติชอบทั้งหลายจะไม่เดือดร้อนจากกระบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน"
สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยวันนี้ แม้ในฉากหน้าอาจดูว่ายิ่งลักษณ์เป็นฝ่ายโดนรุกไล่ ใกล้ถูกต้อนให้ "จนมุม" ก็ตามที แต่ทั้งนี้มีรายงานว่า ในความเป็นจริงแล้วพรรคเพื่อไทยประเมินแล้วเชื่อว่า"ผู้เล่นแถวหนึ่ง" ระดับแกนนำจะถูก "คดีความ" เล่นงานด้วยกันหลายต่อหลายคน จนจะกระทบต่อการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งรอบหน้าอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้เตรียม "ผู้เล่นแถวสอง" เอาไว้เพื่อรองรับกันเรียบร้อยแล้ว โดยได้มีการเคลื่อนไหวในภาคสนาม ทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน ด้วยการให้ "ว่าที่ผู้สมัคร" เดินสายพบปะประชาชน นับตั้งแต่ก่อนหน้าที่ "ร่างรัฐธรรมนูญ+คำถามพ่วง"จะผ่านประชามติ เพราะเพื่อไทยเองก็คาดว่าที่สุดแล้ว คสช. จะสามารถเอาชนะเกมประชามติได้ในยกสุดท้าย
การจัดทัพของพรรคเพื่อไทยเวลานี้ ยังมีปฏิบัติการด้านการข่าว ด้วยการส่งทั้งข่าวจริง ข่าวลวง ออกมาเพื่อประเมินท่าทีจาก คสช. ว่า พรรคจะเลือกส่ง "ใคร" ลงมารับไม้ "ว่าที่นายกฯ" ในนามของพรรคเพื่อไทย แล้วจะ "บาดเจ็บน้อยที่สุด" !