แสงไทย เค้าภูไทย แม้จะพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในไทย ขณะที่ในยุโรป อเมริกา พบเพิ่มขึ้น แต่ไม่กังวลต่อฤทธิ์ของมัน เพราะไม่รุนแรง ไม่มีใครตาย กังวลก็แต่วัคซีนที่มีอยู่ที่ไม่สามารถต้านไวรัสได้ เป็นสัญญาณเตือนว่า หากมีไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่มีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าและสู้วัคซีนได้ขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น ? การกลายพันธุ์ของโควิด-19 ตัวใหม่ที่ชื่อ Omicron นับเป็นตัวที่ 5 ตามหลังสายพันธุ์ Alpha,Beta, Gamma และ Delta ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล โควิด-19 กลายพันธุ์ล่าสุดนี้มีชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 ก่อนที่ WHO จะตั้งชื่อเรียกให้ตามลำดับตัวอักษรกรีก การกลายพันธุ์หรือแผกพันธุ์แต่ละครั้ง ฤทธิ์ของมันจะรุนแรงขึ้น ล่าสุดที่ยังระบาดอยู่คือเดลตานั้น ถือเป็นไวรัสที่มีอันตรายที่สุด ทำให้มีผู้ติดเชื้อง่ายและตายจำนวนมากที่สุด แต่กระนั้น ภูมิที่วัคซีนเข้าไปกระตุ้นให้เกิดขึ้น ก็ยังกำจัดและลดจำนวนไวรัสเข้าสู่เซลล์มนุษย์ได้อยู่ ลดอาการรุนแรงจนไม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่สำหรับการกลายพันธุ์ครั้งล่าสุดจนเกิดโอไมครอนขึ้นนั้น แม้ผู้ติดเชื้อจะไม่เกิดอาการรุนแรง เหมือนกับสายพันธุ์เดลตา มีแต่อาการคล้ายหวัดธรรมดา ทว่านักไวรัสวิทยากลับกังวลกันมาก เพราะโควิด-19 พันธุ์ใหม่นี้ มีการกลายพันธุ์ของโปรตีนบนส่วนที่หนามของตัวมันถึง 32 ตำแหน่ง และยังมีการกลายพันธุ์ที่ส่วนตัวรับ (receptor binding domain) ที่หนามโปรตีนใช้เจาะเข้าเซลล์มนุษย์ถึง 10 ตำแหน่ง ต่างจากสายพันธุ์เดลตาที่มีการกลายพันธุ์ในส่วนนี้เพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น นี่คือสัญญาณเตือนว่า ไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่มีกายภาพแบบนี้ แต่มีฤทธิ์ร้ายแรงอันตรายกว่าโอไมครอน สามารถเกิดขึ้นได้ และจะสร้างมหันตภัยที่รุนแรง(severity of disease)กว่าไวรัสทุกตัวที่กลายพันธุ์มาแล้ว บริษัทวัคซีนเชื้อเป็นทุกบริษัทยอมรับว่าวัคซีนของพวกตนไม่สามารถสร้าง antibody มาสกัดกั้นโอไมครอนได้เท่ากับต้านสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ ข่าวนี้ สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ดัชนีหุ้นร่วงกันระนาว ตั้งแต่วอลสทรีต ยุโรป เอเชีย มาจนตลาดหุ้นไทย เหตุจากความกังวลและหวาดหวั่นว่ามันจะทำลายเศรษฐกิจยับเยินเหมือนการระบาดระลอกแรกๆใน 2 ปีที่กำลังบรรจบนี้ WHO ยังไม่สามารถลงความเห็นได้ ว่าโอไมครอนจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงระดับไหน เพราะต้องรอดูผลเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ ส่วนการรักษา ยังคงใช้ยาและกระบวนการกำจัดแบบป้องกันการเข้าสู่เซลล์และกดการทำงานของไวรัส( Corticosteroids and IL6 Receptor Blockers ) เช่นเดิม ขณะนี้ เราเปิดเมืองกว้างขึ้น จนเกือบจะเป็นปกติเหมือนก่อนเกิดการระบาดระลอกแรก แม้ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่รายวัน จะลดลง คนตาย คนป่วยลดจำนวนลงจนดูคล้ายเป็นขาลง แต่การลักลอบเข้าเมืองของแรงงานจากเมียนมา การเปิดด่านชายแดนก็ทำให้หวั่นเกรงว่า เชื้อตัวใหม่จากต่างชาติจะเข้ามาเหมือนระลอกแรกๆ ยิ่งตอนนี้ คนไทยด้วยกันเอง กินเที่ยวกันอย่างแออัด หลังอดกลั้นมานานก็ยิ่งน่ากังวล เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ใกล้เข้ามา ฤดูท่องเที่ยวที่มีการจัดกิจกรรมรื่นเริง มีการกระตุ้นให้คนออกมารเที่ยว มากินเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ถ้าไม่ระมัดระวังป้องกันตนเองอย่างเข้มงวด จะเป็นเหมือนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา อย่าลืมว่า ทุกสถานบริการ ไม่ว่าจะในแหล่งท่องเที่ยวหรือในเมือง ล้วนมีลูกจ้าง เป็นพม่าแทบทั้งสิ้น