องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาระบุว่าการที่คนจำนวนมากยังไม่ฉีดวัคซีน และภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนลดลง เป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงในทวีปยุโรป โดยมีการคาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในยุโรปอีก 700,000 รายจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า ส่งผลให้ยอดเหยื่อสะสมในทวีปแห่งนี้จะพุ่งเหนือ 2.2 ล้านคน พร้อมเรียกร้องประชาชนฉีดวัคซีนและฉีดเข็มกระตุ้น
สำหรับประเทศไทย อัตราการฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง โดยมีเพียง 11 จังหวัดที่ฉีดวัคซีนได้ครอบคลุม 70% ขณะที่ 22 จังหวัดยังฉีดวัคซีนไม่ถึงครึ่ง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขหาแนวทางออกมาตรการจูงใจ และสุดท้ายหากจำเป็นอาจต้องบังคับให้การทำกิจกรรมต่างๆในที่สาธารณะ ต้องมีการแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ตอนหนึ่งระบุว่า “...เหตุผลที่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังลังเลเรื่องวัคซีน เรื่อง Vaccine hesitancy นั้นเป็นเหมือนกันทั่วโลก แต่หากเราสังเกตกันในประเทศจะพบว่า คนไทยเรานั้นน่ารักมาก เพราะส่วนใหญ่ล้วนตื่นตัวขวนขวาย ทำทุกวิถีทางที่จะเข้าถึงวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเองและคนที่เรารัก
ดังที่เห็นจากข่าวการไปเข้าคิวฉีดวัคซีนอย่างหนาแน่นในจุดฉีดวัคซีนอยู่เป็นประจำ จะมีสักกี่ประเทศในโลกที่จะมีคนมากมายยินยอม ยินดี และสมัครใจ ทุบกระปุก ควักกระเป๋า เพื่อจองวัคซีนให้กับตัวเองและครอบครัว แถมหลายคนหลายครอบครัวเกรงจะไม่ได้ จึงยอมจองหลายที่ด้วยซ้ำไป
...ทั้งๆ ที่ ตามหลักการแล้ว การป้องกันโรคนั้นเป็นบริการพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีประสิทธิภาพ ทั่วถึง ทันต่อเวลา ดังนั้นเมื่อเห็นปรากฏการณ์ที่ผ่านมา จึงสะท้อนให้เห็นว่า เหตุผลที่คนจะลังเล ไม่แน่ใจ หรือตัดสินใจไม่รับ คงหนีไม่พ้นว่าจะต้องมาจากเหตุผลข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อรวมกัน ปัญหาวิกฤติอื่นๆ ทั่วโลกนั้นเคยได้รับการวิเคราะห์จากนักวิชาการ และชี้ให้เห็นว่าเกิดขึ้นจากการที่โลกตกอยู่สถานะที่ เรียกว่า "VUCA world" ที่ย่อมาจาก Volatility, Uncertainty, Complexity, Ambiguity แปลง่ายๆ คือ ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือไม่ชัดเจน
หากผนวกทั้งสองเรื่องที่เล่าให้ฟังแล้ว ถ้าประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เจอปัญหา hesitancy หรือ ความลังเล อยากชวนให้ทุกคนมารับวัคซีน สิ่งที่ควรทำคือ
หนึ่ง ทบทวนนโยบายและมาตรการ จัดซื้อจัดหาและใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย โดยใช้ข้อมูลวิชาการมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของสากลโลก (ประสิทธิภาพ)
สอง แจกจ่ายวัคซีนนั้นไปยังทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง เพียงพอต่อความต้องการของทุกคน และทันที (ทั่วถึงและทันเวลา)
สาม ปรับระบบและกลไกต่างๆ ตั้งแต่ระดับนโยบาย และวิชาการ ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สาธารณชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดทุกอย่างอย่างชัดเจน โดยประยุกต์ต่อยอดจากที่เห็นในระบบของประเทศพัฒนาแล้ว เช่น US FDA, US CDC, EMA, ECDC ก็จะช่วยทำให้ลดเรื่องความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือไปได้ไม่มากก็น้อย แนวทางข้างต้นนั้นย่อมเป็นทั้งด้านวิชาการ และการสร้างความเชื่อมั่น ผ่านการทำให้เกิดกลไกนโยบาย วิชาการ และระบบบริการ ที่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องการจูงใจโดยใช้แนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม เช่น การสะกิดพฤติกรรม (Nudge) ก็สามารถนำมาใช้เสริมได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนนั้นสำคัญ ช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดโอกาสเสียชีวิตได้ แต่ยังสามารถติดเชื้อได้ อาจป่วยและเสียชีวิตได้ด้วย และแพร่เชื้อให้คนรอบข้างได้ สิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้เลยคือ ต่อให้ฉีดวัคซีนแล้ว ก็จำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากนะครับ และเว้นระยะห่างจากคนอื่น สองเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่ง”
แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นอีกในประเทศไทย เพราะการระบาดระลอกที่แล้วยังทิ้งบาดแผลเอาไว้อย่างสาหัสสากรรจ์ ทั้งการสูญเสียชีวิต ทรัพยากรต่างๆและโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นไม่มีใครอยากให้มีการปิดประเทศอีกครั้ง ดังนั้นกระบวนการค้นหาเชิงรุกเพื่อฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและครอบคลุมสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีน กับกระบวนการบังคับให้ตรวจคัดกรองการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในที่สาธารณะ ด้วยประวัติการฉีดวัคซีนจึงควรเร่งออกมาดำเนินการควบคู่กันเพื่อให้เป้าหมายในการฉีดวัคซีน 100% และที่สำคัญงานนี้ ต้องไม่มี VIP